ยาบรรเทาพิษไข้ต่างๆ

ยาบรรเทาพิษไข้ต่างๆ การแพทย์แผนโบราณของไทยให้ความสำคัญกับการ “ถอนพิษไข้” หรือ “ระบายพิษไข้” ซึ่งหมายถึงการลดความร้อนในร่างกาย ขับของเสีย และปรับสมดุลธาตุ เพื่อบรรเทาอาการไข้และป้องกันไม่ให้ไข้กำเริบรุนแรงขึ้น โดยมีทั้งสมุนไพรเดี่ยวและตำรับยาที่นิยมใช้:

สมุนไพรเดี่ยวที่นิยมใช้บรรเทาพิษไข้:

  • บอระเพ็ด: มีรสขมจัดและมีฤทธิ์เย็นจัด มีสรรพคุณในการลดไข้ ถอนพิษไข้ และแก้ร้อนในกระหายน้ำ มักนำมาหั่นเป็นแว่นแล้วหมักกับน้ำผึ้ง หรือรับประทานในรูปแคปซูล
  • ฟ้าทะลายโจร: มีรสขมและมีฤทธิ์เย็น ช่วยลดไข้ ต้านการอักเสบ และกระตุ้นภูมิคุ้มกัน นิยมใช้เมื่อเริ่มมีอาการไข้ เจ็บคอ
  • หญ้าปักกิ่ง: มีฤทธิ์เย็น ช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับพิษ และต้านการอักเสบ มักนำมาคั้นน้ำดื่ม
  • ย่านาง: มีรสจืดเย็น ช่วยลดไข้ ดับพิษร้อน ถอนพิษไข้ และแก้ไข้พิษต่างๆ นิยมนำใบมาคั้นน้ำดื่ม หรือใช้เป็นส่วนผสมในตำรับยา
  • รางจืด: มีฤทธิ์เย็น มีสรรพคุณถอนพิษ ลดไข้ แก้ร้อนใน และบรรเทาอาการแพ้
  • ใบบัวบก: มีรสขมเย็น ช่วยลดไข้ ลดการอักเสบ และแก้ร้อนในกระหายน้ำ

ตำรับยาแผนโบราณที่นิยมใช้บรรเทาพิษไข้:

  • ยาจันทน์ลีลา: เป็นตำรับยาที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ไข้เปลี่ยนฤดู ลดความร้อนในร่างกาย และลดอาการข้างเคียงของไข้ เช่น ไอ เสมหะ ตำรับนี้ประกอบด้วยสมุนไพรหลักหลายชนิด เช่น โกฐจุฬาลัมภา, จันทน์แดง, จันทน์เทศ, ลูกกระดอม, บอระเพ็ด, รากปลาไหลเผือก
  • ยาห้าราก (เบญจโลกวิเชียร): เป็นตำรับยาที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีสรรพคุณกระทุ้งพิษไข้ต่างๆ หรือถอนพิษต่างๆ แก้ไข้พิษ ไข้กาฬ ประกอบด้วยรากสมุนไพร 5 ชนิด ได้แก่ รากย่านาง, รากคนทา, รากชิงชี่, รากเท้ายายม่อม และรากมะเดื่ออุทุมพร
  • ยาเขียวหอม: เป็นตำรับยาที่อยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ มีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ ประกอบด้วยสมุนไพรหลากหลายชนิด เช่น ใบพิมเสน, ใบผักกระโฉม, ใบหมากผู้, ใบหมากเมีย, แก่นจันทน์ขาวหรือจันทน์ชะมด, แก่นจันทน์แดง, ดอกพิกุล, ดอกบุนนาค, ดอกสารภี, เกสรบัวหลวง

วิธีการใช้แบบแผนโบราณอื่นๆ:

  • การประคบหรือเช็ดตัวด้วยน้ำสมุนไพร: ใช้น้ำต้มสมุนไพรฤทธิ์เย็น เช่น น้ำใบย่านาง หรือน้ำผสมใบเตย เช็ดตัวเพื่อลดความร้อนในร่างกาย
  • การดื่มน้ำสมุนไพรฤทธิ์เย็น: น้ำใบเตยหอม, น้ำเก๊กฮวย, น้ำใบบัวบก, น้ำว่านหางจระเข้, น้ำรากบัว ช่วยดับร้อนและถอนพิษไข้
  • การรับประทานอาหารฤทธิ์เย็นและรสขม: เช่น ต้มจืดมะระ, ไข่เจียวดอกแค, ใบบัวบกผัดไข่ ช่วยระบายความร้อน ขับของเสีย และถอนพิษไข้

ข้อควรระวัง:

  • การใช้สมุนไพรควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์แผนไทย หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร เพื่อให้แน่ใจว่าใช้ถูกกับอาการและไม่เกิดผลข้างเคียง
  • ผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว หรือรับประทานยาแผนปัจจุบัน ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้สมุนไพรบางชนิด เนื่องจากอาจมีปฏิกิริยากับยาที่ใช้อยู่
  • หากอาการไม่ดีขึ้น หรือมีอาการรุนแรงขึ้น ควรไปพบแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม

การแพทย์แผนโบราณเน้นการดูแลแบบองค์รวม โดยพิจารณาจากธาตุและสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละราย การเลือกใช้สมุนไพรหรือตำรับยาจึงควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

ยาบรรเทาพิษไข้ต่างๆ

ตํารับยาขนานที่ (ยาเขียวพินาศอุทรถอนผิดสาแดง)

ใบพิมเสน ๑๐ บาท / ใบเปราะ ๑๐ บาท / ใบมะยม๑๐ บาท / ใบมะเฟือง ๑๐ บาท / หญ้าปากควาย ๑๐ บาท / จันทน์ทั้งสอง สิ่งละ ๑๐ บาท / ใบหมากผู้ ๑๐ บาท / ใบหมากเมีย ๑๐ บาท / รากมะปรางหวาน ๑๐ บาท / รากมะนาว ๑๐ บาท / เหมือดคน ๑๐ บาท / ขมิ้นอ้อย ๒๐ บาท

วิธีปรุงยา

นําเครื่องยาทั้งหมดมาบดรวมกัน

วิธีรับประทาน

เมื่อจะรับประทาน ให้ผสมกับน้ํา กระสายตามแต่จะใช้ แล้วดื่มแก้ พิษไข้ต่างๆ และใช้ชโลมตัว

(ตํารายาของพระภิกษุชโยสโถ)

 

ตำรับยาขนานที่ ๒

รากหมาก ๑ กา / รากมะพร้าว ๑ กำ / รากตาล ๑ กำ / จันทน์ทั้งสอง สิ่งละ ๑ กำ / ชะลูด ๑ กำ / ขอนดอก ๑ กำเกสรบัวหลวง ๑ กำ / มะลิ ๑ กำ / ต้นหญ้าดับพิษ ๑ กำ / ดันครอบจักรวาล ๑ กำ

วิธีปรุงยา

นําเครื่องยาทั้งหมดใส่ลงในหม้อ ต้มรวมกัน แล้วกรองเอาแต่นายาคม หรือชโลมตัว แก้พิษไข้ ดับพิษ แก้คลั่งเพ้อ

(ตํารายาของพระภิกษุชโยสโถ)

 

ตํารับยาขนานที่ ๓

(ยาเหลืองหอมจันทบุรี)

จันทน์ทั้งสอง สิ่งละ ๒ สลึง / กฤษณา๒ สลึง / กะลาพัก๒ สลึง / โกฐสอ๒ สลึง / โกฐเขมา๒ สลึง / โกฐพุงปลา๒ สลึง / โกฐกะกลิ้ง๒ สลึง / โกฐหัวบัว๒ สลึง / โกฐจุฬาลัมพา๒ สลึง / โกฐก้านพร้าว๒ สลึง / สมุลแว้ง๒ สลึง / นํ้าประสานทอง๒ สลึง / ชะมดเชียง๑สลึง / ชะเอมเทศ ๑ บาท / พิมเสน

วิธีปรุงยา

นําเครื่องยาทั้งหมดมาบดรวมกัน จากนั้นละลายด้วยนําบอระเพ็ด แล้ว ปั้นให้มีขนาดเท่ากับเมล็ดพริกไทย

รับประทานแก้ไข้ สันนิบาต และ อาการเมื่อยเท้าได้ หากละลายผงยาด้วยน้ําลูกยอ ใช้

รับประทานแก้อาเจียน หากละลายผงยาด้วยนํากระทั่ง โหม แล้วโรยเกลือเล็กน้อย จะช่วยให้ผายลม

(ยาประจําบ้านของพระไสว)

 

ตำรับยาขนานที่ ๔

(ยาประสะจันทน์ขาว)

โกฐทั้งห้า / เทียนทั้งห้า / ลูกจันทน์ / ดอกจันทน์ / กระวาน / กานพลู / ดอกบุนนาค / ดอกสารภี / บัวหลวง / ใบพรมมิ / ว่านน้ำ / จันทน์เทศเท่ายาทั้งหลาย (ให้มีน้ำหนักเท่ายาทั้งหมดรวมกัน)

วิธีปรุงยา

ใช้เครื่องยาทั้งหมดสิ่งละเท่าๆ กัน(ยกเว้นจันทน์เทศให้เอาน้ำหนักเท่ายาทั้งหลายรวมกัน) นำมาบดแล้วทำเป็นแท่งเก็บไว้

วิธีรับประทาน

เมื่อจะใช้ ให้นำแท่งยาละลายน้ำดอกไม้ ดื่มแก้อาการไช้ เสมหะคั่งค้าง

(ยาแผนโบราณจากบรรพบุรุษหนังสือตำรายาประจำบ้าน)

 

ตำรับยาขนานที่ ๕

จันทน์ทั้งสอง สิ่งละ ๑ บาท / สมอทั้งสาม สิ่งละ ๑ บาท / มะขามป้อม ๑ บาท / อบเชย ๑ บาท / ชะลูด ๑ บาทเถาวัลย์เปรียง ๑ บาท / สมุลแว้ง ๑ บาท / แก่นสน ๑ บาท / สักขี ๑ บาท / สะค้าน ๑ บาท / ชะพลู ๑ บาท

ลูกชี้กาแดง ๑ บาท / ลูกจันทน์ ๑ บาท / ดอกจันทร์ ๑ บาท / ลูกกระดอม ๑ บาท / บอระเพ็ด ๑ บาท

แก่นชี้เหล็ก ๑ บาท / รากมะพร้าว ๑ บาท / รากตาล ๑ บาท / รากหมาก ๑ บาท / รากมะตูม ๑ บาท

ดอกบัวสัตตบุษย์ ๑ บาท / ดอกบัวสัตตบงกช ๑ บาท / ดอกบัวเผื่อน ๑ บาท / ดอกบัวชม ๑ บาท

เกสรทั้งห้า สิ่งละ ๑ บาท / ใบพิมเสน ๘ บาท / ก้านสะเดา ๓๓ ก้าน

วิธีปรุงยา

นำเครื่องยาทั้งหมดมาต้มรวมกัน แล้วกรองเอาแต่น้ำยาดื่ม

วิธีรับประทาน

ดื่มก่อนรับประทานอาหาร วันละ ๒ เวลา เช้า เย็น

(ตำรายาของพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระสมุทรคุณาจารย์)

 

ตำรับยาขนานที่ ๖

จันทน์ทั้งสอง สิ่งละ ๑ บาท / สมอทั้งสาม สิ่งละ ๑ บาท / ขอนดอก ๑ บาท / สมุลแว้ง สิ่งละ ๑ บาท / แห้วหมู ๑ บาท / แฝกทั้งสอง สิ่งละ ๑ บาท / ชะลูด ๑ บาท / ลูกกระดอม ๑ บาท / บอระเพ็ด ๑ บาท / อบเชยทั้งสอง สิ่งละ ๑ บาท / เกสรทั้งห้า สิ่งละ ๑ บาท / ใบพิมเสน ๔ บาท / ฝักคูน (ฝักราชพฤกษ์) ๓ ฝัก / ก้านสะเดา ๓๓ ก้าน

วิธีปรุงยา

นำเครื่องยาทั้งหมดใส่ลงในหม้อ ต้มรวมกัน แล้วกรองเอาแต่น้ำยาดื่ม

วิธีรับประทาน

ดื่มก่อนรับประทานอาหาร วันละ เวลา เช้า เย็น

(ตำรายาของพระเดชพระคุณ ท่านเจ้าคุณพระสมุทรคุณาจารย์)

 

ตำรับยาขนานที่ ๗

(มโหสถจันทน์)

สมุลแว้ง / เกสรทั้งห้า / เกสรสัตตบงกช / จันทน์ทั้งสอง / กฤษณา / กะลำพัก / ขอนดอก / แฝกหอม /

ตะนาว (กระแจะหรือพญายา) / เปราะหอม / โกฐหัวบัว

วิธีปรุงยา

นำเครื่องยาทั้งหมด สิ่งละเท่าๆ กัน มาตำรวมกันให้เป็นผง แล้วปั้นเป็นลิ่ม

วิธีรับประทาน

เมื่อจะรับประทานให้ละลายด้วยน้ำ ชาวข้าวหรือน้ำดอกไม้เป็นกระสายก็ ได้ โรยด้วยพิมเสนและเติมชัณฑสกรลงไปเล็กน้อย

(ตำรายาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกรุงศรีอยุธยา)