Table of Contents
Toggleยารักษาโรคปัสสาวะขัด
ตำรับยารักษาอาการปัสสาวะขัด: ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย
ยารักษาโรคปัสสาวะขัด อาการปัสสาวะขัด คือการที่ปัสสาวะลำบาก เจ็บปวด หรือออกไม่สุด ซึ่งสร้างความไม่สบายอย่างมากและอาจเป็นสัญญาณของปัญหาในระบบทางเดินปัสสาวะ ตำราแพทย์แผนไทยโบราณได้บันทึกตำรับยาหลากหลายที่ใช้สมุนไพรและวัตถุดิบธรรมชาติเพื่อช่วยขับปัสสาวะ ลดการอักเสบ และบรรเทาอาการปัสสาวะขัด
1. ตำรับยาชงจากใบกะเพราและดินประสิว (จากตำราพระโอสถพระนารายณ์)
ตำรับนี้ใช้สมุนไพรที่มีฤทธิ์ร้อนร่วมกับดินประสิว ซึ่งเชื่อว่าช่วยขับปัสสาวะ
- ส่วนประกอบ:
- ใบกะเพรา 1 กำมือ
- ดินประสิวขาว 2 สลึง
- ใบชา (เป็นกระสายยา)
- วิธีปรุงยา:
- นำใบกะเพราและดินประสิวขาวมาบดรวมกันให้ละเอียด
- นำไปต้ม โดยใส่ใบชาลงไปเป็นตัวช่วยละลายยา
- กรองเอาแต่น้ำยาสำหรับดื่ม
- วิธีรับประทาน:
- ดื่มน้ำยาและดื่มน้ำชาตาม 2-3 ครั้ง ปัสสาวะจะออกสะดวก
2. ตำรับยาต้มจากตะไคร้ (จากตำรายากลางบ้านของนายแพทย์อวย เกตุสิงห์)
ตำรับที่เรียบง่ายนี้ใช้ตะไคร้ ซึ่งเป็นสมุนไพรที่รู้จักกันดีในสรรพคุณขับปัสสาวะ
- ส่วนประกอบ:
- ตะไคร้ขนาดกลาง 1 ต้น (ส่วนโคน)
- วิธีปรุงยา:
- ตัดส่วนที่เป็นใบสีเขียวของตะไคร้ทิ้ง
- ส่วนโคนที่เหลือให้ตัดเป็นท่อนสั้นๆ
- ต้มกับน้ำ 2 แก้ว
- วิธีรับประทาน:
- ใช้ดื่มครั้งละครึ่งแก้ว
3. ตำรับยาต้มจากไส้สับปะรดและน้ำตาลทราย (จากตำรายากลางบ้านของนายแพทย์อวย เกตุสิงห์)
ตำรับนี้ใช้ไส้สับปะรด ซึ่งเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการช่วยขับปัสสาวะ
- ส่วนประกอบ:
- ไส้สับปะรด
- น้ำตาลทราย (พอให้มีรสหวาน)
- วิธีปรุงยา:
- หั่นไส้สับปะรดเป็นท่อนสี่เหลี่ยม
- ใส่ลงในหม้อ ต้มกับน้ำพอสมควร
- เติมน้ำตาลทรายพอให้มีรสหวาน
- วิธีรับประทาน:
- ดื่มครั้งละครึ่งแก้ว โดยรับประทานไส้สับปะรดด้วย
4. ตำรับยาต้มจากรากต้นกล้วยน้ำว้า (จากจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร)
ตำรับที่เรียบง่ายนี้ใช้รากต้นกล้วยน้ำว้าซึ่งมีสรรพคุณทางยาหลายอย่าง
- ส่วนประกอบ:
- รากต้นกล้วยน้ำว้า 1 กำมือ
- วิธีปรุงยา:
- นำรากต้นกล้วยน้ำว้ามาล้างน้ำให้สะอาด
- ใส่ลงในหม้อดิน ต้มกับน้ำ
- กรองเอาแต่น้ำยาสำหรับดื่ม
- วิธีรับประทาน:
- ดื่มแทนน้ำชา
5. ตำรับยาต้มจากต้นมะแว้งเครือทั้งห้า (จากจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร)
ตำรับนี้ใช้ส่วนต่างๆ ของต้นมะแว้งเครือ ซึ่งมีสรรพคุณทางยาในระบบทางเดินปัสสาวะ
- ส่วนประกอบ:
- ต้นมะแว้งเครือทั้งห้า (เอาทั้งต้นตลอดถึงราก)
- วิธีปรุงยา:
- นำต้นมะแว้งเครือมาล้างน้ำให้สะอาด
- ใส่ลงในหม้อดิน ต้มกับน้ำพอสมควร
- กรองเอาแต่น้ำยาสำหรับดื่ม
- วิธีรับประทาน:
- ดื่มน้ำยา
6. ตำรับยาต้มรวมจากสมุนไพรและแร่ธาตุ (จากตำรับยาพิเศษสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาปวเรศริยาลงกรณ์)
ตำรับนี้มีความซับซ้อนและใช้ส่วนประกอบหลากหลาย ทั้งสมุนไพรและแร่ธาตุ
- ส่วนประกอบ: (แต่ละส่วนปริมาณ 1 บาท ยกเว้นที่ระบุ)
- หญ้าคา 1 บาท
- แก่นขนุน 1 บาท
- แกแล 1 บาท
- ข้าวเย็นใต้ 1 บาท
- กระดูกควายเผือก 1 บาท
- สารส้ม 1 สลึง
- ดินประสิว 1 สลึง
- ตะไคร้สด 3 ต้น
- จุกสับปะรด 3 จุก
- ซังข้าวโพด 3 ซัง
- วิธีปรุงยา:
- นำเครื่องยาทั้งหมดใส่ลงในหม้อ
- ต้มรวมกัน
- กรองเอาแต่น้ำยาสำหรับดื่ม
- วิธีรับประทาน:
- ดื่มวันละ 3 เวลา (เช้า กลางวัน เย็น) หรือดื่มบ่อยๆ แทนน้ำในกรณีที่มีอาการผิดปกติมาก
7. ตำรับยาพอกบริเวณหัวหน่าว (จากตำรายาสมุนไพรไทยพระครูวิทิตวรเวช (ส.เปลี่ยนศรี))
ตำรับนี้เป็นยาใช้ภายนอก โดยการนำสมุนไพรมาตำแล้วพอกบริเวณท้องน้อย
- ส่วนประกอบ:
- หญ้างาช้าง
- ใบฟักข้าว
- ขมิ้นอ้อย
- วิธีปรุงยา:
- นำเครื่องยาทั้งหมดมาตำรวมกันให้ละเอียด
- วิธีใช้:
- พอกบริเวณหัวหน่าว (ท้องน้อยเหนืออวัยวะเพศ) เพื่อช่วยให้ปัสสาวะออกสะดวก
8. ตำรับยาต้มเคี่ยวจากต้นหางนกยูงและรากสะแก (จากตำรายากลางบ้าน)
ตำรับนี้ใช้สมุนไพรมาต้มเคี่ยวจนได้น้ำยาที่เข้มข้น
- ส่วนประกอบ: (แต่ละส่วนปริมาณ 5 บาท)
- ต้นหางนกยูง 5 บาท
- รากสะแก 5 บาท
- ข้าวเย็นทั้งสอง (ข้าวเย็นเหนือและข้าวเย็นใต้) 5 บาท
- วิธีปรุงยา:
- นำเครื่องยาทั้งหมดใส่ลงในหม้อ
- ต้มรวมกันกับน้ำ 3 ส่วน
- เคี่ยวให้เหลือ 1 ส่วน
- กรองเอาแต่น้ำยา
9. ตำรับยาต้มจากยอดขี้เหล็กและส่วนผสมอื่นๆ (จากตำรายาเกร็ด สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์)
ตำรับนี้ใช้ยอดขี้เหล็กซึ่งมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย
- ส่วนประกอบ:
- ยอดขี้เหล็ก 7 ยอด
- เปลือกหอยแครงเผาไฟ 7 เปลือก (ถ้าขนาดใหญ่ใช้ 5 เปลือก)
- ต้นตะไคร้ 3 ต้น
- สารส้ม 2 สลึง
- วิธีปรุงยา:
- นำเครื่องยาทั้งหมดใส่ลงในหม้อ
- ต้มรวมกัน
- กรองเอาแต่น้ำยาสำหรับดื่ม
ข้อควรพิจารณาและคำแนะนำที่สำคัญ:
อาการปัสสาวะขัดอาจมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย ตั้งแต่การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ นิ่วในไตหรือกระเพาะปัสสาวะ ต่อมลูกหมากโตในเพศชาย หรือปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจรุนแรงได้ หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อน เช่น การติดเชื้อในไต หรือไตวาย
ตำรับยาแผนโบราณเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาที่มีคุณค่า แต่การนำไปใช้ควรทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตำรับที่มีส่วนผสมซับซ้อน แร่ธาตุ (เช่น ดินประสิว สารส้ม) หรือส่วนประกอบจากสัตว์ (กระดูกควายเผือก เปลือกหอยแครง) ซึ่งควรได้รับการเตรียมโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และต้องระมัดระวังเรื่องสุขอนามัย
ขอแนะนำอย่างยิ่งว่า หากคุณมีอาการปัสสาวะขัด ควรรีบปรึกษาแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดโดยเร็วที่สุด การใช้ยาสมุนไพรหรือตำรับยาแผนไทยควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพ และเพื่อป้องกันผลข้างเคียงหรือปฏิกิริยากับยาอื่นๆ ครับ