Table of Contents
Toggleยาต้มบำรุงธาตุ
ยาต้มบำรุงธาตุ
ยาต้มบำรุงธาตุ
นี่คือการรวบรวมตำรับยาต้มบำรุงธาตุจากตำรายากลางบ้าน และตำรายาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา:
ข้อควรระวังสำคัญ: ตำรับยาเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่สืบทอดกันมา ตำรับที่ 2 มีส่วนผสมของฝิ่นและกัญชา ซึ่งเป็นสารเสพติดและผิดกฎหมายในประเทศไทย การใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตและควบคุมจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อสุขภาพและมีโทษทางกฎหมาย
ตำรับที่ 1: โกฐสอ, โกฐเชียง, โกฐกระดูก, รากมะนาว, โคกกระออม (ตำรายากลางบ้าน)
- ส่วนประกอบ:
- โกฐสอ (ปริมาณเท่าๆ กัน)
- โกฐเชียง (ปริมาณเท่าๆ กัน)
- โกฐกระดูก (ปริมาณเท่าๆ กัน)
- รากมะนาว (ปริมาณเท่าๆ กัน)
- โคกกระออม (ปริมาณเท่าๆ กัน)
- วิธีปรุงยา: นำส่วนประกอบทั้งหมดใส่ลงในหม้อ ต้มรวมกัน แล้วกรองเอาแต่น้ำยา
- วิธีรับประทาน: ดื่มก่อนรับประทานอาหาร วันละ 2 เวลา (เช้า-เย็น) ครั้งละครึ่งแก้ว
- สรรพคุณ: ตำรับระบุว่า “กินยานี้แล้วจะเจริญอาหารดีมาก”
ตำรับที่ 2: ยาทิพกาศ (ยาดำ, เทียนดำ, ลูกจันทน์, ดอกจันทน์, กระวาน, พิมเสน, การบูร, ยาฝิ่น, ใบกัญชา) (ตำรายาของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กรุงศรีอยุธยา)
- ส่วนประกอบ:
- ยาดำ 1 ส่วน
- เทียนดำ 1 ส่วน
- ลูกจันทน์ 1 ส่วน
- ดอกจันทน์ 1 ส่วน
- กระวาน 1 ส่วน
- พิมเสน 1 ส่วน
- การบูร 4 ส่วน
- ยาฝิ่น 8 ส่วน
- ใบกัญชา 16 ส่วน
- วิธีปรุงยา: นำส่วนประกอบทั้งหมดมาบดรวมกัน โดยใช้เหล้าเป็นน้ำกระสายยา แล้วทำเป็นแท่งเก็บไว้
- วิธีรับประทาน: เมื่อจะรับประทาน ให้ใช้น้ำกระสายตามโรคร้อนและเย็น (หมายถึงเลือกใช้ของเหลวที่เหมาะสมกับอาการ ไม่ว่าจะร้อนหรือเย็น) ละลายแท่งยา ดื่มพอสมควร
- สรรพคุณ: ระบุว่า “แก้สารพัดทั้งหลายอันให้ระสำระสาย กินข้าวมิได้ นอนมิหลับ ตกบุพโพโลหิต ลงแดง หาย”
คำแนะนำเพิ่มเติม:
การบำรุงธาตุหรือการใช้ยาสมุนไพร ควรอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์แผนปัจจุบัน หรือผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนไทยที่มีใบอนุญาตและประสบการณ์ เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายและอาการของคุณ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกรณีของตำรับที่ 2 ซึ่งมีส่วนผสมของสารควบคุม ควรหลีกเลี่ยงการนำมาใช้เองโดยเด็ดขาด
หากคุณมีอาการที่น่ากังวลเกี่ยวกับสุขภาพ หรือต้องการบำรุงร่างกาย ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับคำแนะนำที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุด