Table of Contents
Toggleผลไม้ล้างพิษ บลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่: ผลไม้สีฟ้า สรรพคุณโดดเด่นเพื่อสุขภาพ
ผลไม้ล้างพิษ บลูเบอร์รี่ ผลไม้ลูกเล็กสีฟ้าอมม่วงที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน ไม่เพียงแต่มีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ยังถือเป็นสุดยอดผลไม้ที่สามารถช่วยบำรุงสุขภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยคุณสมบัติเด่นจากสาร แอสไพรินธรรมชาติ ที่มีอยู่ในผล
สรรพคุณและคุณประโยชน์ของบลูเบอร์รี่
บลูเบอร์รี่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีสรรพคุณทางยาที่หลากหลาย:
- วิตามินซีสูง: อุดมไปด้วย วิตามินซี ซึ่งช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน
- ดูแลระบบทางเดินปัสสาวะ: ช่วยลดการระคายเคืองในระบบทางเดินปัสสาวะ และป้องกันการติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ รวมถึงนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
- ป้องกันโรคเรื้อรัง: ป้องกัน โรคเบาหวาน และ โรคไทฟอยด์
- บรรเทาอาการผิดปกติ: บรรเทาโรคระบบหายใจผิดปกติ ช่วยแก้อาการติดเชื้อภายในลำไส้ใหญ่ แก้ท้องผูก โรคกระเพาะอาหาร โรคเริม และแผลในปาก
- เสริมสร้างระบบไหลเวียนเลือด: ช่วยเสริมสร้างระบบหมุนเวียนเลือดให้ทำงานดีขึ้น ช่วยป้องกันเส้นเลือดขอด ลดอาการบวม และเสริมสร้างความแข็งแรงให้ผนังหลอดเลือด
- เพิ่มสมรรถภาพทางเพศชาย: ช่วยเสริมสร้างสมรรถภาพทางเพศของชายสูงวัย
- สารต้านอนุมูลอิสระสูง: อุดมไปด้วย แอนตี้ออกซิแดนท์ ที่มีประสิทธิภาพสูง สามารถต่อสู้กับสารพิษ และช่วยให้หลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงแข็งแรง
วิธีการล้างพิษด้วยบลูเบอร์รี่
การล้างพิษด้วยบลูเบอร์รี่ควรทำในขณะที่ ท้องว่าง 4-6 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายสามารถดูดซึมสารสำคัญและกระบวนการขับพิษเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
วิธีที่ 1: การบริโภคบลูเบอร์รี่สด
- สามารถทาน บลูเบอร์รี่สดๆ ได้เลย
- หลังจากทานแล้ว ให้ ดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ
วิธีที่ 2: น้ำบลูเบอร์รี่ปั่น
ส่วนผสม:
- บลูเบอร์รี่สด: 100 กรัม
- น้ำเชื่อม: 4 ช้อนโต๊ะ
- น้ำต้มสุก: ปริมาณพอเหมาะ
- เกลือป่น: เล็กน้อย
- น้ำแข็งบด: ประมาณ 2 แก้ว (ปรับตามชอบ)
วิธีการทำ:
- ล้างบลูเบอร์รี่ให้สะอาด แล้วนำไปใส่ลงในเครื่องปั่น
- นำส่วนผสมทั้งหมดที่เหลือ (น้ำเชื่อม น้ำต้มสุก เกลือป่น และน้ำแข็งบด) ใส่ตามลงไปในเครื่องปั่น
- ปั่นให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน
- เทใส่แก้ว
- ดื่มจนหมด และ ดื่มน้ำเปล่าตามให้มากๆ
ข้อควรระวังในการใช้บลูเบอร์รี่
ข้อควรระวังสำคัญอย่างยิ่ง:
- โรคพร่องเอนไซม์ G6PD: ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเลือด โดยเฉพาะผู้ที่เป็น โรคพร่องเอนไซม์ G6PD (ภาวะพร่องเอ็นไซม์จีซิกส์พีดี) ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เม็ดเลือดแดงแตกตัวเร็วเมื่อถูกกระตุ้นด้วยสิ่งเร้าต่างๆ ไม่ควรทานบลูเบอร์รี่อย่างเด็ดขาด
- สารแอสไพรินธรรมชาติ: เนื่องจากในบลูเบอร์รี่มี สารแอสไพริน ซึ่งเป็นสารที่ไม่เหมาะสมกับผู้ป่วยโรคพร่องเอนไซม์ G6PD การบริโภคอาจทำให้อาการของโรคกำเริบ ตัวซีด และหากรุนแรงมากอาจนำไปสู่ภาวะไตวายได้
บลูเบอร์รี่เป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มากมาย แต่หากคุณมีข้อจำกัดทางสุขภาพ โดยเฉพาะภาวะพร่องเอนไซม์ G6PD ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการบริโภคหรือนำมาใช้เพื่อการล้างพิษนะครับ