ตำรับยาพื้นบ้าน: การรักษาโรคหูด

 

หูดเป็นตุ่มเนื้อขนาดเล็กที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสบริเวณผิวหนัง ซึ่งในอดีต บรรพบุรุษไทยได้ค้นพบวิธีรักษาหูดด้วยวัตถุดิบจากธรรมชาติที่หาได้ง่าย มาดูกันว่ามีตำรับยาใดบ้างที่น่าสนใจ:


 

ตำรับยารักษาโรคหูด

 

  • ต้นกะเพราแดงหรือกะเพราเขียว:
    • วิธีปรุงยา: นำต้นกะเพราแดงหรือกะเพราเขียวมาขยี้
    • วิธีใช้: นำไปทาที่หัวหูดบ่อย ๆ เชื่อว่าหัวหูดจะหลุดหายไป
    • ที่มา: ตำรายากลางบ้าน
  • ยางต้นบอน:
    • วิธีใช้: นำยางต้นบอนมาทาบริเวณหัวหูดบ่อย ๆ เชื่อว่าหัวหูดจะหลุดหายไปในเร็ววัน
    • ที่มา: ตำรายากลางบ้าน
  • ยางมะละกอดิบ:
    • วิธีปรุงยา: ใช้มีดเฉือนต้นหรือผลมะละกอดิบเพื่อให้ยางซึมออกมา แล้วใช้นิ้วปาดเอายางมาป้ายบนหัวหูด
    • วิธีใช้: เวลาป้ายใหม่ ๆ จะรู้สึกเจ็บ ๆ คัน ๆ เล็กน้อย หากวันรุ่งขึ้นหูดยังอยู่ก็ใช้ยางมะละกอป้ายอีก ทำเช่นนี้เรื่อย ๆ เชื่อว่าหูดจะหายไปเองโดยไม่รู้ตัว
    • ที่มา: ตำรับยาของพล.อ.อ. นักรบ บิณษรี
  • ต้นกระถินไทย:
    • วิธีปรุงยา: ตัดกิ่งกระถินไทยมาหนึ่งกิ่ง เอาปลายกิ่งด้านหนึ่งลนไฟจนยางกระถินไหลออกมาจากปลายกิ่งอีกด้านหนึ่ง
    • วิธีใช้: นำยางนั้นมาทาที่หัวหูด วันละประมาณ 2-3 ครั้ง เชื่อว่าหูดจะหายภายใน 7 วัน
    • ที่มา: ตำรับยาของพล.อ.อ. นักรบ บิณษรี
  • เปลือกสับปะรด:
    • วิธีใช้: ใช้เปลือกด้านในของสับปะรดถูบริเวณที่มีหูด ถูไปมาจนรู้สึกแสบจึงหยุด ทำเช่นนี้ทุก ๆ วัน เชื่อว่าหูดจะหาย
    • ที่มา: ตำรับยาของพล.อ.อ. นักรบ บิณษรี
  • กระเทียมกลีบใหญ่:
    • วิธีใช้: ปอกกระเทียมเป็นกลีบ ๆ แล้วผ่าครึ่ง นำด้านที่ผ่ามาถูบริเวณที่เป็นหูดทุก ๆ วัน เชื่อว่าหูดจะหลุดออกมา
    • ที่มา: ตำรับยาของพล.อ.อ. นักรบ บิณษรี
  • ใบงาสด:
    • วิธีปรุงยา: นำใบงาสดมาตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำปัสสาวะที่ไม่มีเชื้อโรค (ก่อนพอกยาควรใช้มีดคม ๆ ที่ลนไฟฆ่าเชื้อโรคแล้วฝานหัวหูดเสียก่อน)
    • วิธีใช้: ใช้พอกที่หัวหูด
    • ที่มา: จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร

ข้อควรระวัง: ตำรับยาพื้นบ้านเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา แม้จะเคยใช้กันอย่างแพร่หลาย แต่การรักษาหูดในปัจจุบันมีวิธีการที่หลากหลายและมีประสิทธิภาพสูงกว่า เช่น การจี้ด้วยความเย็น (cryotherapy), การจี้ด้วยไฟฟ้า (electrocautery), หรือการใช้ยาทาเฉพาะที่ หากคุณมีหูด ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่ถูกต้องและเหมาะสม เพื่อป้องกันการลุกลามและการกลับมาเป็นซ้ำ