ตำรับยาพื้นบ้าน: การรักษาโรคงูสวัด
โรคงูสวัดเป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส ทำให้เกิดผื่นและตุ่มน้ำใสตามแนวเส้นประสาท มักมีอาการปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรง ภูมิปัญญาไทยโบราณได้มีการนำสมุนไพรและวัตถุดิบธรรมชาติมาใช้เพื่อบรรเทาอาการและช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น มาดูกันว่ามีตำรับยาใดบ้างที่น่าสนใจ:
ตำรับยารักษาโรคงูสวัด
- ใบเสลดพังพอน / ดินสอพอง / พิมเสน / เหล้าขาว:
- วิธีปรุงยา: นำใบเสลดพังพอน 10 กรัม, ดินสอพอง 10 กรัม และพิมเสน 1 กรัม มาตำรวมกันให้แหลก แล้วผสมกับเหล้าขาว 20 มิลลิลิตร
- วิธีใช้: พอกให้ทั่วบริเวณที่เป็นงูสวัด วันละ 2 ครั้ง
- ที่มา: จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
- เปลือกต้นโพธิ์ / เปลือกต้นมะขาม / น้ำปูนใส:
- วิธีปรุงยา: นำเปลือกต้นโพธิ์กับเปลือกต้นมะขามมาฝนกับน้ำปูนใส
- วิธีใช้: ใช้น้ำยานั้นทาบริเวณที่เป็นงูสวัด
- ที่มา: จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร
- เสลดพังพอน / พิมเสน / เหล้าขาว:
- วิธีปรุงยา: นำใบเสลดพังพอนกับพิมเสนมาตำรวมกัน แล้วเติมเหล้าขาวลงไปเล็กน้อย
- วิธีใช้: ใช้พอกบริเวณแผลที่เป็นงูสวัด
- ที่มา: ตำรายาของพล.อ.อ. นักรบ บิณษรี
- ข้าวต้มก้างคืน / กะปิ / มะนาว / เกลือ:
- วิธีปรุงยา: นำส่วนผสมทั้งหมดมาตำรวมกัน
- วิธีใช้: นำไปพอกบริเวณแผลที่เป็นงูสวัด
- ที่มา: ตำรายาของพล.อ.อ. นักรบ บิณษรี
- หญ้าแพรก / หญ้าปากควาย / ใบบอระเพ็ด / ใบน้ำเต้า:
- วิธีปรุงยา: นำส่วนผสมทั้งหมดมาตำรวมกัน แล้วคั้นเอาแต่น้ำยามาผสมกับน้ำซาวข้าว
- วิธีใช้: ใช้สำลีหรือผ้าขาวชุบน้ำยาประคบที่แผล และคอยหยอดน้ำยาบนสำลีอยู่เสมอ อย่าให้สำลีแห้ง เชื่อว่าไม่เกินครึ่งชั่วโมง อาการแสบร้อนจะหายไป
- ที่มา: ตำรายาเกร็ดสมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงวชิรญาณวงศ์
- หญ้าพันงูแดง / ขี้เถ้ากลางเตาไฟ:
- วิธีปรุงยา: นำหญ้าพันงูแดง 7 ยอด และขี้เถ้ากลางเตาไฟ 3 หยิบมือ มาตำรวมกันแล้วละลายกับน้ำปัสสาวะเด็ก หรือน้ำครำใต้ถุนเรือน
- วิธีใช้: ใช้ทาบริเวณที่เป็นงูสวัด เชื่อว่ามีสรรพคุณที่ชะงัดนัก
- ที่มา: ตำรายากลางบ้าน
ข้อควรระวัง: โรคงูสวัดเกิดจากเชื้อไวรัส และหากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น อาการปวดเรื้อรังหลังเป็นงูสวัด (postherpetic neuralgia) หรือการติดเชื้อที่ตา หากคุณมีอาการของโรคงูสวัด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาด้วยยาต้านไวรัสที่ถูกต้องโดยเร็วที่สุด การใช้ตำรับยาพื้นบ้านควรใช้เพื่อบรรเทาอาการร่วมกับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ