ยาแก้ป่วง (ท้องร่วง)

ยาแก้ป่วง (ท้องร่วง): ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย

 

ยาแก้ป่วง (ท้องร่วง) อาการท้องร่วง หรือ “ป่วง” เป็นภาวะที่ร่างกายขับถ่ายอุจจาระเหลวบ่อยครั้ง ซึ่งอาจนำไปสู่การขาดน้ำและอ่อนเพลีย ในตำราแพทย์แผนไทยโบราณ โดยเฉพาะ ตำราพระโอสถพระนารายณ์ ได้บันทึกตำรับยาหลากหลายที่ใช้สมุนไพรและวัตถุดิบธรรมชาติเพื่อช่วยบรรเทาอาการท้องร่วงและปรับสมดุลระบบทางเดินอาหาร


 

1. ตำรับยาผงปั้นแท่งจากไพลและสมุนไพรฤทธิ์ร้อน

 

ตำรับนี้ใช้สมุนไพรหลายชนิดที่เชื่อว่ามีฤทธิ์ช่วยขับลมและสมานลำไส้

  • ส่วนประกอบ:
    • ไพล 4 ส่วน
    • ผิวมะกรูด 4 ส่วน
    • กระเทียม 4 ส่วน
    • ขมิ้นอ้อย 4 ส่วน
    • ตรีกฏุก (ได้แก่ พริกไทย ดีปลี ขิงแห้ง) 4 ส่วน
    • กะทือ 6 ส่วน
    • ว่านน้ำ 6 ส่วน
    • บอระเพ็ด 6 ส่วน
  • วิธีปรุงยา:
    1. นำเครื่องยาทั้งหมดมาบดรวมกันให้เป็นผงละเอียด
    2. ทำเป็นแท่งสำหรับเก็บรักษา
  • วิธีรับประทาน:
    1. เมื่อมีอาการท้องร่วง ให้นำแท่งยามาละลายกับน้ำร้อน
    2. เติมพิมเสนเล็กน้อย แล้วดื่ม
  • สรรพคุณ: แก้อาการท้องร่วง

 

2. ตำรับยาต้มจากกำมะถันเหลืองและรากไม้

 

ตำรับนี้เน้นการใช้ส่วนประกอบจากธรรมชาติมาต้มดื่มเพื่อแก้ท้องร่วง

  • ส่วนประกอบ:
    • กำมะถันเหลือง (สิ่งละเท่าๆ กัน)
    • ผิวส้มโอ (สิ่งละเท่าๆ กัน)
    • รากต่อไส้ (สิ่งละเท่าๆ กัน)
    • รากหวายลิง (สิ่งละเท่าๆ กัน)
    • นมจาก (ส่วนที่เป็นปุ่มงอกออกมาจากโคนของก้านใบจาก) (สิ่งละเท่าๆ กัน)
  • วิธีปรุงยา:
    1. นำเครื่องยาทั้งหมดอย่างละเท่าๆ กัน ใส่ลงในหม้อ
    2. ต้มรวมกันให้เดือด
    3. กรองเอาแต่น้ำยาสำหรับดื่ม
  • วิธีรับประทาน:
    1. ดื่มครั้งละ 3-4 ช้อนโต๊ะ ทุก 2-4 ชั่วโมง

 

3. ตำรับยาผงปั้นแท่งจากสมุนไพรเผา

 

ตำรับนี้ใช้วิธีการเผาส่วนประกอบบางชนิดก่อนนำมาบดรวมกัน ซึ่งเชื่อว่าเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของยา

  • ส่วนประกอบ: (สิ่งละเท่าๆ กัน)
    • กาบหมากเผา
    • บอระเพ็ดเผา
    • กะปิเผา
  • วิธีปรุงยา:
    1. นำเครื่องยาทั้งหมดอย่างละเท่าๆ กัน มาบดรวมกันให้เป็นผงละเอียด
    2. ทำเป็นแท่งสำหรับเก็บรักษา
  • วิธีรับประทาน:
    1. เมื่อต้องการรับประทาน ให้นำแท่งยามาละลายกับน้ำปูนใส
    2. เติมพิมเสนเล็กน้อย แล้วดื่ม
  • สรรพคุณ: แก้ป่วง (ท้องร่วง) ได้ทุกชนิด

 

4. ตำรับยาผงปั้นแท่งจากสมุนไพรหลากหลาย (จากตำราพระโอสถพระนารายณ์)

 

ตำรับนี้มีความซับซ้อนและใช้สมุนไพรหลายชนิดในสัดส่วนที่แตกต่างกัน เพื่อสรรพคุณในการแก้ท้องร่วง

  • ส่วนประกอบ:
    • ตรีกฏุก (ได้แก่ พริกไทย ดีปลี ขิงแห้ง) 4 ส่วน
    • ขมิ้นอ้อย 4 ส่วน
    • กระเทียม 4 ส่วน
    • สารส้ม 4 ส่วน
    • แก่นแสมทะเล 5 ส่วน
    • เปลือกมะรุม 5 ส่วน
    • ไพล 5 ส่วน
    • ข่าลิง 5 ส่วน
    • สะด้าน 6 ส่วน
    • ผิวมะกรูด 6 ส่วน
    • การบูร 6 ส่วน
    • กะทือ 7 ส่วน
    • เจตมูลเพลิง 7 ส่วน
  • วิธีปรุงยา:
    1. นำเครื่องยาทั้งหมดมาบดรวมกันให้เป็นผงละเอียด
    2. ทำเป็นแท่งสำหรับเก็บรักษา
  • วิธีรับประทาน:
    1. เมื่อต้องการรับประทาน ให้ละลายแท่งยากับน้ำร้อน
    2. เติมพิมเสนเล็กน้อย แล้วดื่ม
  • สรรพคุณ: แก้ป่วง (ท้องร่วง) ได้ทุกชนิด

 

5. ตำรับยาผงปั้นแท่งแก้ป่วงและอาเจียน (จากตำราพระโอสถพระนารายณ์)

 

ตำรับนี้ใช้สมุนไพรหลายชนิด และเน้นสรรพคุณที่ครอบคลุมทั้งอาการท้องร่วงและอาเจียน

  • ส่วนประกอบ:
    • ตรีกฏุก (ได้แก่ พริกไทย ดีปลี ขิงแห้ง) 1 ส่วน
    • ว่านน้ำ 1 ส่วน
    • แฝกหอม 1 ส่วน
    • เปราะหอม 1 ส่วน
    • แห้วหมู 1 ส่วน
    • เปลือกโมกมัน 1 ส่วน
    • รากกระเทียม 8 ส่วน
  • วิธีปรุงยา:
    1. นำเครื่องยาทั้งหมดมาบดรวมกันให้เป็นผงละเอียด
    2. ทำเป็นแท่งสำหรับเก็บรักษา
  • วิธีรับประทาน:
    1. เมื่อต้องการรับประทาน ให้ละลายแท่งยากับน้ำกระสายที่ควรแก่โรคร้อนและเย็น (น้ำที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของผู้ป่วยในขณะนั้น)
    2. เติมพิมเสนเล็กน้อย แล้วดื่ม
  • สรรพคุณ: แก้ป่วง (ท้องร่วง) ได้ทุกชนิด ซึ่งมีอาการอาเจียนร่วมด้วย

ข้อควรพิจารณาและคำแนะนำที่สำคัญ:

อาการท้องร่วงมีหลายสาเหตุ ตั้งแต่การติดเชื้อไม่รุนแรงไปจนถึงภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรง ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ตำรับยาแผนโบราณเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาที่มีคุณค่า แต่การนำไปใช้ควรทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง โดยเฉพาะตำรับที่มีส่วนผสมซับซ้อน หรือมีส่วนประกอบที่ต้องผ่านกรรมวิธีพิเศษ (เช่น การเผาไหม้) หรือมีแร่ธาตุ (เช่น กำมะถัน สารส้ม) ซึ่งควรดำเนินการโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น และควรคำนึงถึงสุขอนามัยในการเตรียมยา

ขอแนะนำอย่างยิ่งว่า หากมีอาการท้องร่วง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากอาการรุนแรง มีไข้สูง ถ่ายเป็นเลือด ปวดท้องรุนแรง หรือมีภาวะขาดน้ำ ควรรีบไปพบแพทย์แผนปัจจุบันเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้องเหมาะสมที่สุดโดยเร็วที่สุด การพึ่งพายาแผนโบราณเพียงอย่างเดียวอาจทำให้การรักษาโรคที่ร้ายแรงล่าช้าได้ หากต้องการใช้สมุนไพรหรือตำรับยาแผนไทยเสริม ควรปรึกษาแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบัน เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยและประสิทธิภาพ