Table of Contents
Toggleยารักษาฝีในท้อง
ยารักษาฝีในท้อง: ภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย
ยารักษาฝีในท้อง ฝีในท้อง (หรือฝีในช่องท้อง) คือการสะสมของหนองภายในช่องท้องหรือในอวัยวะภายใน ซึ่งเป็นภาวะที่รุนแรงและอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ตำราแพทย์แผนไทยโบราณได้บันทึกตำรับยาที่ใช้สมุนไพรและวัตถุดิบธรรมชาติ โดยเชื่อว่ามีสรรพคุณในการช่วยลดการอักเสบ ขับพิษ และบรรเทาอาการของฝีภายใน
1. ตำรับยาต้มแก้ฝีในท้องและลม (จากตำรายาของพระภิกษุชโยสโถ)
ตำรับนี้ใช้สมุนไพรหลายชนิดร่วมกับส่วนประกอบที่มาจากธรรมชาติอื่น ๆ เพื่อต้มดื่ม
- ส่วนประกอบ:
- เถากันแดง 5 ตำลึง
- เถาวัลย์เปรียง 5 ตำลึง
- ข่าตาแดง 5 ตำลึง
- ประคำไก่ 5 ตำลึง
- ใบมะกา 5 ตำลึง
- ยาดำ 1 บาท
- ดีเกลือ 6 บาท
- จาวปลวก 1 ส่วน
- มดยอบ 1 ส่วน
- รังหมาร่า 1 ส่วน
- รังมด 1 ส่วน
- วิธีปรุงยา:
- นำเครื่องยาทั้งหมดใส่ลงในหม้อ
- ต้มรวมกัน
- กรองเอาแต่น้ำยาสำหรับดื่ม
- สรรพคุณ: เชื่อว่าช่วยแก้ฝีในท้องและอาการลม (โอลม)
2. ตำรับยาต้มเผาไฟพร้อมคาถาแก้พิษฝีในท้อง (จากตำรายาของพระภิกษุชโยสโถ)
ตำรับนี้มีขั้นตอนการเตรียมที่พิเศษ โดยมีการเผาส่วนประกอบและใช้คาถาร่วมด้วย
- ส่วนประกอบ:
- กระทุงหมาบ้า 4 บาท
- ไม้สัก 4 บาท
- ไม้แดง 4 บาท
- แก่นลั่นทม 4 บาท
- เท้ายายม่อม 6 บาท
- แกลบข้าวเหนียวคั่ว 1 กำ
- ฝาหอยแครง 7 ฝา
- วิธีปรุงยา:
- นำเครื่องยาทั้งหมดเผาไฟให้ไหม้
- ขณะเผา ให้บริกรรมคาถา “นะ โม พุท ธา ยะ” กล่าวไปข้างหน้าและกล่าวถอยหลัง 3 จบ
- จากนั้นนำส่วนผสมที่เผาแล้วใส่ลงในหม้อ
- ต้มรวมกัน
- กรองเอาแต่น้ำยาสำหรับดื่ม
- สรรพคุณ: เชื่อว่าช่วยแก้พิษฝีในท้อง
3. ตำรับยาเม็ดลูกกลอนจากเมล็ดเหงือกปลาหมอและพริกไทย (จากตำรายาเกร็ดสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์)
ตำรับนี้เป็นยาเม็ดที่ใช้ส่วนประกอบน้อยชิ้นแต่เน้นสรรพคุณเฉพาะ
- ส่วนประกอบ:
- เมล็ดต้นเหงือกปลาหมอ (เอาเฉพาะเมล็ดใน ไม่เอาเปลือก) ชั่ง 2 ส่วน
- พริกไทยล่อน (พริกไทยขาว) ชั่ง 1 ส่วน
- วิธีปรุงยา:
- นำเครื่องยาทั้งหมดมาตำกับน้ำผึ้ง
- ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าลูกพุทรา
- วิธีรับประทาน:
- รับประทานวันละ 2 ครั้ง
4. ตำรับยาต้มรวมจากสมุนไพรและแร่ธาตุ (จากตำรายาเกร็ดสมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณวงศ์)
ตำรับนี้ใช้สมุนไพรหลายชนิดและกำมะถันเหลือง เพื่อสรรพคุณในการรักษาฝี
- ส่วนประกอบ:
- หัวข้าวเย็นทั้งสอง (ข้าวเย็นเหนือและข้าวเย็นใต้) อย่างละ 10 บาท
- ชันทองพยาบาท 10 บาท
- แก่นประดู่ 10 บาท
- รากทองพันชั่ง 10 บาท
- รากชุมเห็ดใหญ่ 10 บาท
- รากมะยมตัวผู้ 10 บาท
- กำมะถันเหลือง 10 บาท
- ต้นเหงือกปลาหมอ 10 บาท
- หัวหนอนตายหยาก 20 บาท
- หัวกะเพียด 20 บาท
- วิธีปรุงยา:
- นำเครื่องยาทั้งหมดใส่ลงในหม้อต้มรวมกัน
- (หากปริมาณมากเกินไป อาจลดหัวหนอนตายหยากและหัวกะเพียดลงอย่างละครึ่งได้)
- วิธีรับประทาน:
- ใช้ดื่มวันละ 2 เวลา (เช้าและเย็น) โดยเติมเกลือเล็กน้อยก่อนดื่ม
ข้อควรพิจารณาและคำแนะนำที่สำคัญ:
ฝีในท้องเป็นภาวะทางการแพทย์ที่ร้ายแรงอย่างยิ่งและเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ เนื่องจากเป็นการติดเชื้อที่มีหนองสะสมอยู่ภายในร่างกาย ซึ่งอาจแพร่กระจายไปยังอวัยวะสำคัญอื่นๆ หรือเข้าสู่กระแสเลือด ทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ) ซึ่งเป็นอันตรายถึงชีวิต
การรักษาฝีในท้องจำเป็นต้องได้รับการวินิจฉัยและการดูแลจากแพทย์แผนปัจจุบันโดยเร็วที่สุด ซึ่งมักจะรวมถึงการผ่าตัดระบายหนอง และการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำ การพึ่งพายาแผนโบราณเพียงอย่างเดียวโดยไม่ได้รับการรักษาทางการแพทย์แผนปัจจุบันอาจทำให้โรคลุกลามและเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงถึงชีวิตได้
ตำรับยาแผนโบราณเหล่านี้เป็นภูมิปัญญาที่มีคุณค่า แต่การนำไปใช้ควรทำด้วยความระมัดระวังอย่างยิ่ง และต้องอยู่ภายใต้การดูแลของผู้เชี่ยวชาญด้านแพทย์แผนไทยอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะตำรับที่มีส่วนผสมอย่าง ยาดำ ดีเกลือ กำมะถันเหลือง หรือมีการใช้ส่วนประกอบจากสัตว์ (รังปลวก, รังหมาร่า, รังมด) หรือมีพิธีกรรม (การบริกรรมคาถา) ซึ่งอาจต้องอาศัยความรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านในการเตรียมและใช้ยา
ขอแนะนำอย่างยิ่งว่า หากคุณมีอาการที่สงสัยว่าเป็นฝีในท้อง เช่น ปวดท้องรุนแรง มีไข้สูง หนาวสั่น คลื่นไส้ อาเจียน หรืออาการแย่ลง ควรรีบไปพบแพทย์แผนปัจจุบันโดยเร็วที่สุด เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยที่แม่นยำและการรักษาที่เหมาะสมและทันท่วงที หากต้องการใช้ยาสมุนไพรหรือตำรับยาแผนไทยเสริม ควรปรึกษาแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญควบคู่ไปกับการรักษาแผนปัจจุบันเสมอ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด