ตำรับยารักษาโรคต้อและริดสีดวงตา: ภูมิปัญญาจาก “ตำราพระโอสถพระนารายณ์”

 

ตำราพระโอสถพระนารายณ์เป็นคัมภีร์ทางการแพทย์แผนไทยที่รวบรวมองค์ความรู้ด้านสมุนไพรและวิธีการรักษาโรคต่างๆ มาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สำหรับโรคเกี่ยวกับดวงตา เช่น ต้อและริดสีดวงตา ตำรับยาเหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงการใช้สมุนไพรและส่วนประกอบจากธรรมชาติในการดูแลสายตา ในที่นี้ เราจะนำเสนอ 3 ตำรับยาสำคัญที่เน้นการใช้ในรูปแบบป้ายตา


 

1. ตำรับยา “อินทประทาน”

 

ตำรับนี้เน้นส่วนผสมที่ช่วยในการบำรุงและรักษาอาการทางตา

  • ส่วนประกอบ:
    • พิมเสน 1 ส่วน
    • ดินถนำสุทธิ 1 ส่วน
    • พริกล่อน (พริกไทยขาว) 1 ส่วน
    • ขิงสด 1 ส่วน
    • ใบผักเก็ด 2 ส่วน
    • ใบก้อนกลอง 2 ส่วน
    • สรรพดี (ดีของสัตว์ต่างๆ) ที่แช่น้ำมะนาวไว้เล็กน้อย
  • วิธีปรุง:
    1. นำส่วนประกอบทั้งหมดมายกเว้นสรรพดีมาบดรวมกันให้เป็นผง
    2. เติมสรรพดีที่แช่น้ำมะนาวไว้ลงไปเล็กน้อย
    3. บดส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วปั้นเป็นแท่งสำหรับเก็บรักษา
  • วิธีใช้: เมื่อต้องการใช้ ให้นำแท่งยามาฝนกับน้ำมะนาว แล้วนำไปป้ายบริเวณดวงตา

 

2. ตำรับยา “มหาอาวุธ”

 

ตำรับยานี้ประกอบด้วยสมุนไพรและดีสัตว์หลากหลายชนิด ที่เชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาอาการทางตา

  • ส่วนประกอบ:
    • พิมเสนเกล็ด 1 ส่วน
    • ดอกจันทน์ 1 ส่วน
    • กระวาน 1 ส่วน
    • โกฐสอ 1 ส่วน
    • โกฐเขมา 1 ส่วน
    • เทียนสัตตบุษย์ 1 ส่วน
    • ขิงสด 1 ส่วน
    • ขมิ้นอ้อย 1 ส่วน
    • ดีจระเข้ 1 ส่วน
    • ดีตะพาบน้ำ 1 ส่วน
  • วิธีปรุง:
    1. นำส่วนประกอบทั้งหมดมาบดรวมกันให้เป็นผงละเอียด
    2. ทำเป็นแท่งสำหรับเก็บไว้
  • วิธีใช้: เมื่อจะใช้ ให้นำแท่งยามาฝนแล้วป้ายบริเวณดวงตา

 

3. ตำรับยา “มหาสุขุม”

 

ตำรับนี้โดดเด่นด้วยการใช้ดินถนำและใบผักต่างๆ ในสัดส่วนที่มาก พร้อมกับสมุนไพรที่มีรสเผ็ดร้อน

  • ส่วนประกอบ:
    • ขมิ้นอ้อย 1 ส่วน
    • กะทือ 1 ส่วน
    • ไพล 1 ส่วน
    • พริกล่อน (พริกไทยขาว) 2 ส่วน
    • ขิงแห้ง 2 ส่วน
    • ดินถนำ 16 ส่วน
    • ใบผักเก็ด 16 ส่วน
    • ใบปีบ 36 ส่วน
  • วิธีปรุง:
    1. นำส่วนประกอบทั้งหมดมาบดรวมกันกับน้ำใบผักเก็ด
    2. ทำเป็นแท่งแล้วนำไปตากในที่ร่มจนกว่าจะแห้ง
  • วิธีใช้: เมื่อต้องการใช้ ให้นำแท่งยามาฝน แล้วนำไปป้ายบริเวณดวงตา

ข้อควรพิจารณา: ตำรับยาแผนโบราณเหล่านี้สะท้อนภูมิปัญญาทางการแพทย์ในอดีต การนำไปใช้ในปัจจุบันควรอยู่ภายใต้การดูแลและคำแนะนำของแพทย์แผนไทยผู้เชี่ยวชาญ หรือแพทย์แผนปัจจุบัน เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคล