เล่าปี่ ผู้นำแห่งสามก๊ก

มรดกแห่งคุณธรรมอันยั่งยืน: ภาวะผู้นำของเล่าปี่ในยุคสามก๊ก

บทนำ: อาณัติแห่งมนุษยธรรมในโลกที่แตกสลาย

เล่าปี่ ผู้นำแห่งสามก๊ก ในปลายราชวงศ์ฮั่นตะวันออก ดินแดนจีนจมดิ่งสู่ความโกลาหลอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน การกบฏโพกผ้าเหลืองในปีคริสตศักราช 184 ซึ่งเป็นการลุกฮือของชาวนาครั้งใหญ่ ได้สั่นคลอนรากฐานของราชสำนักอย่างรุนแรง 1 อำนาจของราชสำนักเสื่อมถอยลงอย่างรวดเร็ว กลุ่มขันทีผู้ทรงอิทธิพลใช้อำนาจในทางที่ผิด และขุนนางฉ้อฉลไม่สนใจคำแนะนำจากผู้ภักดี 3 สถานการณ์นี้ทำให้จักรวรรดิแตกออกเป็นแคว้นเล็กแคว้นน้อย ปกครองโดยขุนศึกต่างๆ ซึ่งบางคนก็เป็นขุนนางหรือข้าราชการของราชวงศ์ฮั่นเอง 1 รัฐบาลกลางประสบปัญหาในการควบคุมอำนาจท้องถิ่นและเก็บภาษี ส่งผลให้เกิดการรวมที่ดินขนาดใหญ่ และการเพิ่มขึ้นของ “แขก” (ผู้เช่าที่ดิน) ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกำลังหลักของกองทัพขุนศึก 6 ยุคสมัยนี้เต็มไปด้วยสงคราม ความอดอยาก และความรู้สึกถึงการล่มสลายของระเบียบเก่า ดังที่ปรากฏในบทกวีที่เชื่อว่าเป็นของโจโฉ 7

ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ เล่าปี่ถือกำเนิดขึ้นจากสามัญชนผู้ต่ำต้อย แม้จะเป็นทายาทของจักรพรรดิฮั่นจิง แต่ในตอนแรกเขาต้องยังชีพด้วยการขายรองเท้า 8 แม้จะขาดแคลนทรัพยากรและสถานะทางสังคมที่ขุนศึกคนอื่นๆ ในยุคนั้นมี แต่เขากลับมีความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้าที่จะฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นที่กำลังเสื่อมโทรม 5 การอ้างสิทธิ์ในสายเลือดราชวงศ์ของเขา แม้จะห่างไกล แต่ก็กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญของความชอบธรรมในการปกครองของเขา 8 คำถามสำคัญที่เกิดขึ้นคือ อะไรทำให้เล่าปี่เป็นผู้นำที่น่าติดตาม แม้จะมีข้อเสียเปรียบในตอนแรกก็ตาม

ในยุคที่อาณัติแห่งสวรรค์ของราชวงศ์ฮั่นกำลังเสื่อมถอยลงอย่างชัดเจน เนื่องจากความฉ้อฉลและการกบฏของชาวนา 1 การกบฏโพกผ้าเหลืองเกิดขึ้นจากความเชื่อที่ว่าจักรพรรดิได้ “สูญเสียอาณัติแห่งสวรรค์” ไปแล้ว 3 ในสุญญากาศแห่งอำนาจนี้ ขุนศึกเช่นโจโฉได้ฉวยโอกาสเข้าควบคุมจักรพรรดิเพื่อสร้างอำนาจให้ตนเอง 11 แต่เล่าปี่ แม้จะมีเชื้อสายราชวงศ์ แต่เริ่มต้นโดยไม่มีฐานอำนาจใดๆ 8 เสน่ห์ของเขาไม่ได้มาจากอำนาจทางทหารหรือความเฉลียวฉลาดทางการเมืองในทันที แต่มาจากคุณธรรมที่รับรู้ได้ถึง “ความเมตตา” และ “ความเหมาะสม” 10 สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าในยุคที่อาณัติแห่งสวรรค์แบบดั้งเดิมกำลังล้มเหลว เล่าปี่ได้เข้าถึง “อาณัติแห่งมนุษยธรรม” ซึ่งเป็นความปรารถนาอันลึกซึ้งในหมู่ประชาชนและผู้ภักดีต่อผู้นำที่มีคุณธรรมที่แท้จริง ผู้ซึ่งห่วงใยประชาชนและระเบียบเก่า ความชอบธรรมของเขาถูกสร้างขึ้นจากอุปนิสัยมากกว่าการพิชิตในตอนแรก

นอกจากนี้ สังคมฮั่นตะวันออกให้ความสำคัญกับภูมิหลังทางครอบครัวและความเชี่ยวชาญในลัทธิขงจื๊อสำหรับการเข้ารับตำแหน่งราชการ โดยมีตระกูลผู้ทรงอำนาจเช่นตระกูลอ้วนเป็นผู้ครอบงำ 6 โจโฉ แม้จะมาจากตระกูลขันที แต่ก็มีเส้นสายและก้าวขึ้นสู่อำนาจด้วยการบังคับใช้กฎหมายอย่างเข้มงวด 11 ในทางตรงกันข้าม เล่าปี่เป็นเพียง “ทหารรับจ้างผู้ต่ำต้อย” ที่ขายรองเท้า 8 ภูมิหลังที่ต่ำต้อยของเขา แทนที่จะเป็นข้อเสียเปรียบ กลับกลายเป็นสัญลักษณ์อันทรงพลังที่เชื่อมโยงเขากับสามัญชน และความบริสุทธิ์ของเขาจากราชสำนักฮั่นที่ฉ้อฉล สิ่งนี้ทำให้เขาสามารถสร้างความแตกต่างจากขุนศึกผู้สูงศักดิ์ และดึงดูดฐานการสนับสนุนที่กว้างขึ้น โดยเฉพาะชาวนาและผู้ภักดีต่อราชวงศ์ฮั่นที่ผิดหวังกับชนชั้นสูง ภูมิหลังที่ดูเหมือนอ่อนแอ กลับกลายเป็นจุดแข็งสำหรับภาพลักษณ์สาธารณะและการเกณฑ์กำลังพล

 

พลังแห่งความเมตตา: การนำด้วย “อี้” (คุณธรรม)

 

เล่าปี่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็น “ผู้ปกครองที่เมตตาและมีมนุษยธรรมในอุดมคติ ผู้ซึ่งห่วงใยประชาชนของเขา” 8 เสน่ห์ของเขาในฐานะวีรบุรุษไม่ได้มาจากความสามารถทางกายภาพหรือสติปัญญา แต่มาจากความสามารถที่รับรู้ได้ในการกระทำที่ “เหมาะสมและด้วยความเมตตาแบบพี่น้อง” เสมอ 10 เขาถูกพรรณนาว่าเป็นสัญลักษณ์ของ “ความเมตตา” และ “ความเหมาะสม” (義 ออกเสียงว่า “อี้”) ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่ทำให้มรดกของเขายืนยง แม้ว่าบางครั้งมันจะทำให้เขาสูญเสียอาณาจักรไปก็ตาม 10 กรอบทางศีลธรรมนี้มักให้ความสำคัญกับความรักที่แท้จริงและมรดกมากกว่าประสิทธิภาพเพียงอย่างเดียว 10

ตัวอย่างสำคัญของความเมตตาของเขาคือความภักดีอันแน่วแน่ต่อราชวงศ์ฮั่น แม้ว่าราชวงศ์จะเหลือเพียงเงา 8 เขาโต้แย้งการอ้างสิทธิ์ในบัลลังก์ของโจผี และประกาศตนเป็น “จักรพรรดิแห่งฮั่น” เพื่อสืบสานสายเลือดราชวงศ์ 16 การที่เขามุ่งมั่นที่จะปกป้องพลเรือนในระหว่างที่โจโฉเข้ายึดครองเกงจิ๋ว แม้จะต้องเสี่ยงชีวิตส่วนตัวและชีวิตครอบครัว แสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่เขามีต่อประชาชนอย่างชัดเจน 14 เขาปฏิเสธตำแหน่งจักรพรรดิในตอนแรก โดยประท้วงว่าจะเป็น “การช่วงชิงอำนาจ” หากไม่มีพระราชโองการจากจักรพรรดิ แสดงให้เห็นถึงการยึดมั่นในพิธีกรรมและความเหมาะสมที่รับรู้ได้ 10

ในทางตรงกันข้าม โจโฉในวัฒนธรรมประเพณีมักถูกพรรณนาว่าเป็น “ทรราชผู้เจ้าเล่ห์ กระหายอำนาจ และทรยศ” ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับเล่าปี่ที่มักถูกแสดงในทางตรงกันข้ามว่าเป็นวีรบุรุษที่พยายามฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่นที่กำลังเสื่อมถอย 5 นักประวัติศาสตร์มองว่าโจโฉเป็น “ขุนพลผู้เชี่ยวชาญและนักการเมืองที่ปฏิบัติจริง” 11 คำกล่าวอันโด่งดังของโจโฉที่ว่า “ข้าพเจ้ายอมทรยศโลก ดีกว่าให้โลกทรยศข้า” สะท้อนถึงความเห็นแก่ตัวอย่างสุดโต่งของเขา ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับค่านิยมขงจื๊อที่ให้ความสำคัญกับประโยชน์ส่วนรวมและการเสียสละ 17 เรื่องเล่าเช่น “เหตุการณ์ฆ่าหมู” และ “หัวหน้ายุ้งฉาง” แสดงให้เห็นถึงความโหดเหี้ยมของโจโฉ โดยที่เขาฆ่าผู้บริสุทธิ์หรือแม้แต่เจ้าหน้าที่ของตนเองด้วยเหตุผลที่ปฏิบัติได้จริง เพื่อรักษาการควบคุมและขวัญกำลังใจ 17 ในทางประวัติศาสตร์ โจโฉขึ้นชื่อเรื่องการสังหารหมู่ในหลายมณฑล แม้กระทั่งกับพลเรือน เจ้าหน้าที่ และทหารของตนเอง และการข่มขืนสตรี 14 ในขณะที่เล่าปี่ใช้เล่ห์เหลี่ยม “เฉพาะเมื่อมีความชอบธรรมอย่างเต็มที่เท่านั้น” 14

เล่าปี่ให้ความสำคัญกับ “ความเหมาะสมและการเป็นที่รัก แม้จะไม่มีประสิทธิภาพที่ชัดเจน” 10 อย่างไรก็ตาม “ความไม่มีประสิทธิภาพ” นี้ในแง่ของการพิชิตดินแดนในทันที กลับเป็นสิ่งที่ทำให้เขาสามารถดึงดูดและรักษาผู้ติดตามอย่างจูกัดเหลียงและกวนอูไว้ได้ 10 ในยุคที่วุ่นวายซึ่งผู้นำมักจะโหดเหี้ยมและเห็นแก่ตัว (เช่นโจโฉ 17) การแสดงออกถึงความเมตตาและความภักดีอย่างสม่ำเสมอของเล่าปี่ 8 ได้สร้างเรื่องราวที่แตกต่างอย่างทรงพลัง สิ่งนี้ไม่ใช่เพียงแค่ลักษณะส่วนตัว แต่เป็นการสร้างความแตกต่างเชิงกลยุทธ์ มันได้ปลูกฝังความภักดีส่วนบุคคลอย่างลึกซึ้งในหมู่ผู้ติดตามและประชาชน ซึ่งอาจมีความยืดหยุ่นมากกว่าความภักดีที่สร้างขึ้นจากความกลัวหรือผลประโยชน์เชิงแลกเปลี่ยน ทำให้เขาสามารถเอาชีวิตรอดจากความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้

นอกจากนี้ ราชวงศ์ฮั่นตะวันออกให้ความสำคัญกับลัทธิขงจื๊อ โดยมีการคัดเลือกข้าราชการตามความเชี่ยวชาญในคัมภีร์คลาสสิกและภูมิหลังทางครอบครัว 6 เล่าปี่เป็นตัวอย่างของอุดมคติขงจื๊อของผู้นำที่เมตตา 8 ในทางกลับกัน โจโฉ ซึ่งเป็นนักปราชญ์และกวีเช่นกัน 7 ได้ท้าทายระบบดั้งเดิมอย่างชัดเจนโดยการขอให้เสนอชื่อบุคคลที่มี “ทักษะและความสามารถ… โดยไม่คำนึงถึงข้อบกพร่องส่วนตัวหรือสถานะทางสังคม” ซึ่งเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันในเวลานั้น 18 สิ่งนี้เน้นย้ำถึงความตึงเครียดพื้นฐาน: เล่าปี่เป็นตัวแทนของความชอบธรรมทางศีลธรรมของระเบียบเก่า ดึงดูดผู้ที่ต้องการกลับคืนสู่การปกครองที่มีคุณธรรม ในขณะที่โจโฉเป็นตัวแทนของระเบียบใหม่ที่ปฏิบัติได้จริง ซึ่งให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่าศีลธรรมแบบดั้งเดิม ความขัดแย้งระหว่างพวกเขาไม่ใช่แค่เรื่องของดินแดน แต่เป็นเรื่องของคำจำกัดความของภาวะผู้นำที่ชอบธรรมในโลกที่แตกสลาย ความนิยมที่ยั่งยืนของเล่าปี่ 10 ชี้ให้เห็นว่าอุดมคติขงจื๊อ แม้จะไม่ใช่เรื่องที่ปฏิบัติได้จริงเสมอไป แต่ก็มีอิทธิพลทางวัฒนธรรมอย่างมาก

ตารางต่อไปนี้แสดงการเปรียบเทียบระหว่างสไตล์การเป็นผู้นำของเล่าปี่และโจโฉ:

 

ด้าน แนวทางของเล่าปี่ แนวทางของโจโฉ ผลลัพธ์/การรับรู้
จุดยืนทางศีลธรรม เน้นความเมตตา (仁) และคุณธรรม (義) เหนือสิ่งอื่นใด; ปกป้องพลเรือนและยึดมั่นในอุดมคติฮั่น 8 เน้นการปฏิบัติจริงและประสิทธิภาพ; “ยอมทรยศโลก ดีกว่าให้โลกทรยศข้า”; ใช้ความโหดเหี้ยมเมื่อจำเป็น 17 เล่าปี่ได้รับการยกย่องเป็นวีรบุรุษผู้มีคุณธรรม; โจโฉถูกมองว่าเป็นทรราชผู้ฉลาดแกมโกง 5
การได้มาซึ่งผู้มีความสามารถ ดึงดูดผู้มีความสามารถด้วยความจริงใจ คุณธรรม และความเคารพ; ตัวอย่างคือ “สามก๊กเยี่ยมกระท่อม” กับจูกัดเหลียง 21 แสวงหาผู้มีความสามารถโดยไม่คำนึงถึงภูมิหลังหรือข้อบกพร่องส่วนตัว; เน้นความสามารถและผลงาน 18 เล่าปี่สร้างความภักดีส่วนบุคคลที่ลึกซึ้ง; โจโฉสร้างทีมที่มีความสามารถสูงแต่ความภักดีอาจเป็นไปตามผลประโยชน์ 10
นโยบายเศรษฐกิจ พึ่งพานโยบายที่มุ่งปกป้องประชาชนและรักษาเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในระยะยาว (เช่น การปฏิรูปของหลิวปาและจูกัดเหลียง) 14 ใช้ระบบถุนเถียน (Tuntian) เพื่อจัดหาเสบียงทหารและสร้างเสถียรภาพทางสังคมในระยะแรก แต่มีปัญหาในระยะยาว 7 นโยบายของเล่าปี่ช่วยป้องกันเงินเฟ้อในจ๊กก๊ก; นโยบายของโจโฉมีประโยชน์ในระยะแรกแต่เป็นภาระในภายหลัง 14
แนวทางทางทหาร เป็นนักรบที่มีความสามารถและผู้อยู่รอด; มักนำทัพด้วยตนเอง; ใช้เล่ห์เหลี่ยมเมื่อจำเป็นและมีเหตุผล 14 เป็นนักยุทธศาสตร์และนักยุทธวิธีที่ยอดเยี่ยม; ใช้กลอุบายทางทหารและจิตวิทยา; มีความสามารถในการปรับตัว 7 เล่าปี่เอาชนะความเสียเปรียบด้วยความมุ่งมั่นและความภักดีของกองทัพ; โจโฉชนะด้วยความเหนือกว่าทางยุทธวิธีและจำนวน 14
การรับรู้ของสาธารณชน/มรดก เป็นสัญลักษณ์ของวีรบุรุษผู้มีคุณธรรมและผู้พิทักษ์ราชวงศ์ฮั่น; เป็นที่รักของประชาชน 5 ถูกมองว่าเป็นผู้ร้ายในเรื่องเล่าพื้นบ้าน แต่ได้รับการยอมรับในประวัติศาสตร์ว่าเป็นผู้นำที่ซับซ้อนและมีประสิทธิภาพ 11 มรดกของเล่าปี่เน้นคุณธรรมและความภักดี; มรดกของโจโฉเน้นความสามารถและผลลัพธ์ 10

 

ศิลปะแห่งการดึงดูด: การรวบรวมผู้มีความสามารถและผู้ซื่อสัตย์

 

เล่าปี่มี “เสน่ห์อย่างมาก” 15 ความสามารถของเขาในการดึงดูด “ผู้มีความสามารถและผู้มีความสามารถ” เป็นผลโดยตรงจาก “ความจริงใจและความซื่อสัตย์” ของเขา ดังที่กุยแกได้กล่าวไว้ 21 เขาเป็น “ที่เคารพและเป็นที่เกรงขามเนื่องจากการเชื่อมโยงกับนักรบและที่ปรึกษาที่มีความสามารถและเป็นตำนานมากมาย เช่น กวนอูและขงเบ้ง (จูกัดเหลียง)” 10 เสน่ห์นี้ทำให้เขาสามารถรวบรวมการสนับสนุนในหมู่ผู้ภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น และนำ “การเคลื่อนไหวของประชาชนเพื่อฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น” แม้ว่าในตอนแรกจะขาดแคลนทรัพยากรก็ตาม 8

“สามก๊กเยี่ยมกระท่อม” เป็นเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงซึ่งเล่าปี่ได้ไปเยี่ยมบ้านของจูกัดเหลียงสามครั้งเพื่อขอความช่วยเหลือ 22 เหตุการณ์นี้ถูกกล่าวถึงสั้นๆ ในบันทึกทางประวัติศาสตร์ เช่น

บันทึกสามก๊ก และ จือจื้อทงเจี้ยน ซึ่งระบุว่าเล่าปี่ “ไปเยี่ยมข้าสามครั้งที่กระท่อมมุงจาก (และ) ปรึกษาข้าเกี่ยวกับกิจการในยุคนั้น” 22 นวนิยาย

สามก๊ก ได้นำเหตุการณ์นี้มาแต่งเติมให้โรแมนติก โดยเล่ารายละเอียดถึงความพยายามของเล่าปี่ แม้ว่ากวนอูและเตียวหุย พี่น้องร่วมสาบานของเขาจะรู้สึกรำคาญก็ตาม 22 การกระทำนี้แสดงให้เห็นถึงความถ่อมตนอย่างลึกซึ้งของเล่าปี่ การยอมรับสติปัญญาที่เหนือกว่า และความเต็มใจที่จะพยายามอย่างยิ่งยวดเพื่อรักษาผู้มีความสามารถที่ดีที่สุด แม้จะต้องถ่อมตนต่อผู้สันโดษก็ตาม สิ่งนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับความคาดหวังที่ว่าเจ้าเมืองจะเรียกตัวผู้มีความสามารถมาหาตนเอง

ในยุคที่เต็มไปด้วยการทรยศหักหลังและการเปลี่ยนข้าง (เช่น การล่มสลายของตั๋งโต๊ะ 4 การฉวยโอกาสของลิโป้ 19) การแสดงออกถึง “ความเมตตา” และ “ความเหมาะสม” อย่างสม่ำเสมอของเล่าปี่ 10 ได้ปลูกฝังความภักดีส่วนบุคคลในระดับที่ไม่ธรรมดาจากบุคคลสำคัญของเขา เช่น กวนอู เตียวหุย และจูกัดเหลียง ความภักดีอันลึกซึ้งนี้ ซึ่งมักถูกพรรณนาว่าเป็นความผูกพันแบบครอบครัว (การสาบานในสวนท้อ) ได้ทำหน้าที่เป็นรากฐานที่มั่นคงยิ่งขึ้นสำหรับอำนาจที่เพิ่งก่อตั้งของเขา มากกว่าความภักดีที่เกิดจากการทำธุรกรรมหรือความกลัวที่เห็นได้ในกลุ่มขุนศึกอื่นๆ สิ่งนี้ชดเชยการขาดแคลนทรัพยากรในตอนแรกของเขา และเป็นแกนหลักที่ยืดหยุ่นซึ่งสามารถทนต่อความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าได้

ในขณะที่โจโฉแสวงหาผู้มีความสามารถอย่างกระตือรือร้น “โดยไม่คำนึงถึงข้อบกพร่องส่วนตัว” 18 แนวทางของเล่าปี่ ซึ่งเป็นตัวอย่างจากการเยี่ยมกระท่อมสามครั้ง 22 คือการดึงดูดผู้มีความสามารถผ่านอุปนิสัยของเขา กุยแกยอมรับว่าโจโฉดึงดูดผู้มีความสามารถ “ตามความจริงใจและความซื่อสัตย์ของคุณ” 21 สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าชื่อเสียงด้านคุณธรรมของเล่าปี่ทำหน้าที่เป็น “แม่เหล็กดึงดูดผู้มีความสามารถ” ที่ทรงพลัง ดึงดูดบุคคลที่แสวงหาเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าอำนาจหรือความมั่งคั่ง หรือผู้ที่ปรารถนาจะฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น การดึงดูดทางศีลธรรมนี้ทำให้เขาสามารถเกณฑ์บุคคลที่มีความสามารถสูงซึ่งอาจถูกขับไล่ด้วยความโหดเหี้ยมของขุนศึกคนอื่นๆ

 

ความยืดหยุ่นในความทุกข์ยาก: จิตวิญญาณที่ไม่ยอมแพ้ของจ๊กฮั่น

 

เล่าปี่เผชิญกับ “ความล้มเหลวในตอนแรกและขาดแคลนทั้งทรัพยากรและสถานะทางสังคม” 8 เขาพ่ายแพ้หลายครั้งต่อโจโฉ (ในปีคริสตศักราช 194, 200 และ 208) 14 เขาถูกบังคับให้ย้ายถิ่นฐานบ่อยครั้ง โดยเข้าร่วมกับขุนศึกเช่นกองซุนจ้านและต่อมาคืออ้วนเสี้ยว ก่อนที่จะสร้างฐานที่มั่นของตนเองได้ 8 กองกำลังของเขาสลายตัวภายใต้การโจมตีของโจโฉ และเขาสูญเสียมณฑลซีจิ๋ว 8 แม้จะมีความพ่ายแพ้เหล่านี้ เขาก็ “ไม่เคยตาย แม้จะมีโอกาสมากมาย” ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถของเขาในฐานะนักรบและผู้รอดชีวิต 15

ความสามารถของเล่าปี่ในการเอาชีวิตรอดและสร้างตัวใหม่หลังจากความพ่ายแพ้มากมายเป็นข้อพิสูจน์ถึงความพากเพียรของเขา 15 เขาเป็น “ทหารรับจ้าง ผู้แสวงโชค” ที่ต่อสู้ในแนวหน้าของการรบทุกครั้งที่เขาเข้าร่วม และนำการโจมตีด้วยตนเอง 15 ความยืดหยุ่นของเขามีรากฐานมาจาก “ความคิดแบบสู้กลับ” 26 แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก เขาก็สามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ติดตามของเขาสานต่อการต่อสู้ได้ ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ต่ออุดมการณ์และประชาชนของเขาทำให้เขาสามารถรักษาความภักดีไว้ได้แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก 14

หลังจากยุทธการผาแดง เล่าปี่ขยายอาณาเขตของตนโดยยึดมณฑลอี้และฮันจง 9 “ความสำเร็จสูงสุด” ของเขาคือการรณรงค์ต่อสู้กับฮันจง ซึ่งเขา “ได้รับชัยชนะอย่างเด็ดขาดแม้จะอยู่ในตำแหน่งรุก” ต่อกองกำลังของโจโฉ ซึ่งมีตำแหน่งป้องกันที่แข็งแกร่งและขุนพลที่ยอดเยี่ยม 14 นี่เป็นกรณีที่หาได้ยากที่เขาต่อสู้กับโจโฉโดยไม่มีความเสียเปรียบด้านจำนวนอย่างท่วมท้น 15 เมื่อโจผี บุตรชายของโจโฉ ประกาศตนเป็นจักรพรรดิแห่งวุยก๊ก เล่าปี่ตอบโต้ด้วยการประกาศตนเป็น “จักรพรรดิแห่งฮั่น” ในปีคริสตศักราช 221 โดยก่อตั้งจ๊กฮั่นเพื่อสืบสานสายเลือดราชวงศ์ฮั่น 9 การกระทำนี้ แม้จะมีความพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่ไม่ยอมแพ้ต่อวิสัยทัศน์ของเขา

บันทึกทางทหารของเล่าปี่ในตอนแรกมีแต่ความพ่ายแพ้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าและการเป็น “ทหารรับจ้าง” 8 อย่างไรก็ตาม เขาสามารถฟื้นตัวกลับมาได้เสมอ สิ่งนี้ไม่ใช่แค่เรื่องของโชค แต่เป็นความสามารถของเขาในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ติดตามที่เหลืออยู่ไม่กี่คนให้ต่อสู้ต่อไป และดึงดูดผู้ติดตามใหม่ๆ แม้ในช่วงเวลาที่ตกต่ำที่สุด ความพากเพียรของเขา ควบคู่ไปกับความภักดีอันลึกซึ้งที่เขาสร้างขึ้น ทำให้เขาสามารถ “เพิ่มพูน” ทรัพยากรและกำลังคนที่มีจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพเมื่อเวลาผ่านไป สิ่งนี้บ่งชี้ว่าในสงครามกลางเมืองที่ยืดเยื้อ ความสามารถในการอดทนและรักษาขวัญกำลังใจ ซึ่งสำคัญกว่าความสามารถทางทหารในตอนแรก เป็นคุณสมบัติการเป็นผู้นำที่สำคัญสำหรับการอยู่รอดในระยะยาวและความสำเร็จในท้ายที่สุด

นอกจากนี้ เล่าปี่เริ่มต้นด้วยข้อเสียเปรียบอย่างมากเมื่อเทียบกับขุนศึกผู้ทรงอำนาจอย่างอ้วนเสี้ยวและโจโฉ 28 เรื่องราวของเขาคือการต่อสู้ที่ไม่หยุดหย่อนและการเอาชนะความทุกข์ยาก เรื่องราวของ “ผู้ด้อยกว่า” นี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อรวมกับภาพลักษณ์ที่เมตตาของเขา มีแนวโน้มที่จะเข้าถึงจิตใจของสามัญชนและผู้ภักดีต่อราชวงศ์ฮั่นที่ผิดหวังได้อย่างลึกซึ้ง มันทำให้สาเหตุของเขาเป็นการต่อสู้ที่ชอบธรรมกับอุปสรรคที่ยากจะเอาชนะได้ ทำให้ชัยชนะในท้ายที่สุดของเขา (เช่น ฮันจง 14) ยิ่งดูเป็นวีรบุรุษและสร้างแรงบันดาลใจ เรื่องเล่านี้เองกลายเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการเกณฑ์กำลังพลและสร้างความชอบธรรม ซึ่งทำให้เขาแตกต่างจากอำนาจที่จัดตั้งขึ้นซึ่งมักจะทุจริต

 

การสร้างพันธมิตร: การนำทางในภูมิทัศน์ทางการเมืองที่ทรยศ

 

การแตกแยกของจีนออกเป็นระบอบการปกครองของขุนศึกในภูมิภาคต่างๆ ทำให้การสร้างพันธมิตรเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการอยู่รอดและการขยายอำนาจ 1 ไม่มีอำนาจใดอำนาจหนึ่งที่สามารถกำจัดอีกฝ่ายได้อย่างง่ายดาย 29 “ความร่วมมือที่เหมาะสมสร้างผลประโยชน์ร่วมกันที่เสริมสร้างจุดแข็งของทุกคน” 26 เล่าปี่เข้าใจถึงความสำคัญของการสร้างความสัมพันธ์

ก่อน ที่จะต้องการมัน 26

ยุทธการผาแดง (คริสตศักราช 208) เป็นช่วงเวลาสำคัญที่เล่าปี่ได้เป็นพันธมิตรกับซุนกวนเพื่อเอาชนะกองทัพที่ใหญ่กว่ามากของโจโฉ 12 พันธมิตรนี้สร้างขึ้นบนพื้นฐานของ “ความไว้วางใจซึ่งกันและกันและเป้าหมายร่วมกัน” มากกว่าผลประโยชน์ระยะสั้น 26 ชัยชนะครั้งนี้ป้องกันไม่ให้โจโฉรวมจีนเป็นหนึ่งเดียว และทำให้การแบ่งแยกจักรวรรดิออกเป็นสามก๊กมั่นคงขึ้น 1

แม้จะประสบความสำเร็จที่ผาแดง พันธมิตรระหว่างซุนกวนและเล่าปี่ก็เปราะบางและในที่สุดก็แตกสลาย 31 ความตึงเครียดเกิดขึ้นจากการควบคุมมณฑลเกงจิ๋ว ซึ่งเป็นพื้นที่ยุทธศาสตร์หลักของเล่าปี่ 31 ซุนกวนเริ่มความขัดแย้งโดยเรียกร้องสามหัวเมืองของเกงจิ๋ว ซึ่งเล่าปี่ไม่เต็มใจที่จะมอบให้ โดยใช้ “กลยุทธ์ถ่วงเวลา” 31 ความขัดแย้งบานปลาย ทำให้กองกำลังของซุนกวนโจมตีกวนอู (พี่น้องร่วมสาบานของเล่าปี่) และยึดเกงจิ๋ว ส่งผลให้กวนอูเสียชีวิต 27 เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้เล่าปี่บุกง่อก๊กเพื่อแก้แค้นในปีคริสตศักราช 221 ซึ่งแม้จะขัดกับคำแนะนำของขุนนางของเขา แต่ก็ทำให้เขาพ่ายแพ้ในยุทธการอิเหลง 27 แม้ว่าบางคนจะกล่าวว่าการแตกแยกเกิดจากความดื้อรั้นของกวนอู แต่บันทึกทางประวัติศาสตร์ชี้ให้เห็นว่าซุนกวนเป็น “ผู้ก่อความขัดแย้งหลัก” 31 “ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเล่าปี่ต่อความภักดีที่เหมาะสมขัดขวางความสามารถของเขาในการกระทำตามความเหมาะสมของเจ้าและขุนนางโดยสิ้นเชิง” 10 ซึ่งหมายความว่าความภักดีส่วนตัวของเขาที่มีต่อกวนอูมีความสำคัญมากกว่าการพิจารณาทางการเมืองเชิงกลยุทธ์ นำไปสู่การบุกง่อก๊กที่เลวร้าย

จุดแข็งของเล่าปี่อยู่ที่ความภักดีส่วนบุคคลอย่างลึกซึ้งที่เขาสร้างแรงบันดาลใจ 10 อย่างไรก็ตาม ความภักดีเดียวกันนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งต่อกวนอู พี่น้องร่วมสาบานของเขา กลายเป็นจุดอ่อนที่สำคัญในพันธมิตรของเขากับซุนกวน เมื่อซุนกวนโจมตีกวนอูและยึดเกงจิ๋ว 27 การตัดสินใจของเล่าปี่ที่จะบุกง่อก๊กเกิดจากความแค้นส่วนตัวและความภักดี 10 มากกว่าการคำนวณเชิงกลยุทธ์ที่เย็นชา 27 สิ่งนี้เน้นให้เห็นว่าจุดแข็งหลักของการเป็นผู้นำ (ความภักดีส่วนบุคคล) สามารถกลายเป็นจุดอ่อนเชิงกลยุทธ์ในพันธมิตรทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนได้อย่างไร นำไปสู่ผลลัพธ์ที่เป็นอันตรายต่อเป้าหมายที่ใหญ่กว่า

พันธมิตรต่อต้านโจโฉที่ผาแดงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการอยู่รอดของเล่าปี่ 27 อย่างไรก็ตาม เมื่อโจโฉถูกควบคุมได้แล้ว อดีตพันธมิตร (เล่าปี่และซุนกวน) ก็หันมาต่อสู้กันเอง 27 สิ่งนี้แสดงให้เห็นว่าพันธมิตรในยุคนี้มักเป็นไปเพื่อโอกาสและชั่วคราว ขับเคลื่อนด้วยภัยคุกคามในทันที การเปลี่ยนแปลงจากแนวร่วมที่เป็นหนึ่งเดียวต่อศัตรูร่วมกันไปสู่ความขัดแย้งภายใน เน้นย้ำถึงการต่อสู้อย่างต่อเนื่องเพื่อความชอบธรรมและอำนาจสูงสุด ขุนศึกแต่ละคน รวมถึงเล่าปี่ ไม่ได้แสวงหาเพียงแค่การอยู่รอดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงการฟื้นฟูหรือการจัดตั้งระเบียบจักรวรรดิใหม่ ทำให้พันธมิตรระยะยาวที่มั่นคงเป็นเรื่องที่ยากโดยเนื้อแท้

 

บทสรุป: มรดกที่เหนือกว่าการพิชิต

 

ภาวะผู้นำของเล่าปี่โดดเด่นด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งถึงความเมตตา (仁, ren) และคุณธรรม (義, yi) ซึ่งแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับแนวทางปฏิบัติที่โหดเหี้ยมของโจโฉ 5 ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของเขาต่อราชวงศ์ฮั่นและประชาชนได้ดึงดูดบุคคลที่มีความภักดีและมีความสามารถเป็นพิเศษ โดยเฉพาะกวนอู เตียวหุย และจูกัดเหลียง 8 เขาแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นและความพากเพียรที่ไม่ธรรมดา โดยเอาชีวิตรอดจากความพ่ายแพ้และการไร้ที่อยู่หลายครั้ง เพื่อก่อตั้งรัฐจ๊กฮั่นในที่สุด 9 แม้ว่าความภักดีส่วนตัวของเขาบางครั้งจะนำไปสู่ความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ (เช่น การบุกง่อก๊ก) 27 แต่ความสามารถของเขาในการสร้างและใช้ประโยชน์จากพันธมิตร โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่ผาแดง ก็เป็นสิ่งสำคัญต่อการก้าวขึ้นสู่อำนาจของเขา 27

มรดกของเล่าปี่ถูกจารึกไว้ในฐานะ “ผู้ปกครองที่เมตตาและเหมาะสม” 10 ทำให้เขายังคงเป็นที่ดึงดูดใจมานานหลายศตวรรษ เขาเป็นที่เคารพนับถืออย่างกว้างขวางในจีนและสังคมเอเชียตะวันออกอื่นๆ 8 เรื่องราวของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่าน

สามก๊ก ได้หล่อหลอมการรับรู้ของประชาชน โดยมักจะพรรณนาให้เขาเป็นวีรบุรุษผู้มีคุณธรรมที่ต่อสู้กับโจโฉผู้ชั่วร้าย 5 การพรรณนา “ในอุดมคติ” นี้ถูกสร้างขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อเป็นคู่ตรงข้ามกับผู้ปกครองในราชวงศ์หมิงตอนต้น 10

ในขณะที่การพิชิตทางทหารและการวางแผนทางการเมืองเป็นพลังสำคัญในยุคสามก๊ก เรื่องราวของเล่าปี่เน้นย้ำถึง “อำนาจละมุน” ของคุณธรรม ความเมตตาและความชอบธรรมทางศีลธรรมของเขา 8 ทำให้เขาสามารถสร้างอาณาจักร (จ๊กฮั่น) ไม่ใช่แค่ด้วยกำลัง แต่ด้วยความภักดีและความปรารถนาของผู้คนที่เชื่อในอุดมการณ์ของเขา สิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าความซื่อสัตย์ที่แท้จริงและความห่วงใยต่อประชาชนสามารถเป็นทรัพย์สินที่ทรงพลังในระยะยาวในการรวมอำนาจและสร้างความชอบธรรม แม้ว่าจะไม่ได้รับชัยชนะในสมรภูมิในทันทีก็ตาม มันแสดงให้เห็นว่าอุปนิสัยของผู้นำสามารถเป็นรากฐานได้พอๆ กับความเฉลียวฉลาดทางยุทธศาสตร์

นอกจากนี้ ข้อมูลยังชี้ให้เห็นซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่าการพรรณนาถึงเล่าปี่ใน สามก๊ก 4 แตกต่างจากบันทึกทางประวัติศาสตร์ที่เป็นกลางมากกว่า 5 อุปนิสัยของเขาถูก “สร้างขึ้นอย่างมีกลยุทธ์เพื่อเป็นคู่ตรงข้ามกับผู้ปกครองในราชวงศ์หมิงตอนต้น” 10 สิ่งนี้เผยให้เห็นว่ามรดกของบุคคลสำคัญทางประวัติศาสตร์ไม่ได้เป็นเพียงภาพสะท้อนของการกระทำของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นผลมาจากการสร้างเรื่องเล่าในภายหลัง ซึ่งมักจะรับใช้จุดประสงค์ทางการเมืองหรือศีลธรรม ความนิยมที่ยั่งยืนของเล่าปี่เป็นข้อพิสูจน์ถึงพลังของเรื่องราวที่น่าสนใจซึ่งสอดคล้องกับอุดมคติทางวัฒนธรรม (ลัทธิขงจื๊อ) แสดงให้เห็นว่า “เรื่องราว” ของผู้นำสามารถมีผลกระทบได้มากพอๆ กับการกระทำทางประวัติศาสตร์ในการกำหนดอิทธิพลระยะยาวของพวกเขา

การเดินทางของเล่าปี่นำเสนอบทเรียนอันลึกซึ้ง: พลังของอำนาจทางศีลธรรมในการดึงดูดและรักษาผู้มีความสามารถ ความสำคัญของความพากเพียรเมื่อเผชิญกับอุปสรรคที่ยากจะเอาชนะได้ และการมีปฏิสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างความภักดีส่วนบุคคลกับความจำเป็นเชิงกลยุทธ์ เรื่องราวของเขาเตือนเราว่าภาวะผู้นำไม่ได้เกี่ยวกับอำนาจทางทหารหรือความเฉลียวฉลาดทางการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่บ่อยครั้งเกี่ยวกับพลังที่ยั่งยืนของอุปนิสัยและความสามารถในการสร้างแรงบันดาลใจในวิสัยทัศน์ร่วมกัน

 

คุณภาพ คำอธิบาย ตัวอย่างทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญ ผลกระทบต่อการก้าวขึ้น/มรดกของเขา
ความเมตตา/มนุษยธรรม (仁) ความห่วงใยอย่างลึกซึ้งต่อประชาชนและยึดมั่นในหลักคุณธรรม แม้จะต้องเสียสละก็ตาม การปกป้องพลเรือนในเกงจิ๋ว; การปฏิเสธตำแหน่งจักรพรรดิโดยไม่มีพระราชโองการ 10 สร้างความภักดีอย่างลึกซึ้งและดึงดูดการสนับสนุนจากประชาชน; สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้นำที่ชอบธรรม 8
คุณธรรม/ความเหมาะสม (義) การกระทำที่สอดคล้องกับหลักศีลธรรมและจริยธรรมที่ถูกต้อง; ความภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น ความมุ่งมั่นที่จะฟื้นฟูราชวงศ์ฮั่น; การสาบานในสวนท้อกับกวนอูและเตียวหุย 8 เป็นรากฐานของความชอบธรรมและแรงบันดาลใจสำหรับผู้ภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น; สร้างความผูกพันที่แข็งแกร่งในทีมหลัก 8
เสน่ห์ ความสามารถพิเศษในการดึงดูดและสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คนติดตามเขาด้วยความจริงใจและศรัทธา “สามก๊กเยี่ยมกระท่อม” เพื่อเชิญจูกัดเหลียง; การดึงดูดผู้ภักดีต่อราชวงศ์ฮั่น 8 ชดเชยการขาดแคลนทรัพยากรในตอนแรก; สร้างทีมที่แข็งแกร่งและทุ่มเทอย่างไม่ธรรมดา 8
ความพากเพียร ความสามารถในการยืนหยัดและฟื้นตัวจากความพ่ายแพ้และความยากลำบากอย่างต่อเนื่อง การเอาชีวิตรอดจากความพ่ายแพ้หลายครั้งโดยโจโฉ; การสร้างฐานอำนาจขึ้นใหม่หลังจากถูกขับไล่ 8 ทำให้เขาสามารถอยู่รอดในยุคที่วุ่นวายและบรรลุความสำเร็จในท้ายที่สุด เช่น การยึดฮันจง 14
การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ ความเข้าใจถึงความจำเป็นในการร่วมมือกับผู้อื่นเพื่อความอยู่รอดและบรรลุเป้าหมายที่ใหญ่ขึ้น พันธมิตรกับซุนกวนในยุทธการผาแดงเพื่อเอาชนะโจโฉ 9 ช่วยให้เขารอดพ้นจากภัยคุกคามที่ใหญ่กว่าและสร้างสมดุลแห่งอำนาจในยุคสามก๊ก 1

ผลงานที่อ้างอิง

  1. End of the Han dynasty – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/End_of_the_Han_dynasty
  2. Yellow Turban Rebellion | Chinese history | Britannica, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.britannica.com/topic/Yellow-Turban-Rebellion
  3. Yellow Turban Rebellion – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Yellow_Turban_Rebellion
  4. Romance of the Three Kingdoms – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Romance_of_the_Three_Kingdoms
  5. Cao Cao – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Cao_Cao
  6. How much did the lower strata Chinese civilians care about politics during the Han Dynasty? : r/AskHistorians – Reddit, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.reddit.com/r/AskHistorians/comments/1gc7omw/how_much_did_the_lower_strata_chinese_civilians/
  7. Cao Cao – World History Encyclopedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.worldhistory.org/Cao_Cao/
  8. Liu Bei – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Liu_Bei
  9. How Liu Bei Set Up His Own Kingdom | PPTX – SlideShare, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.slideshare.net/slideshow/sama/8221501
  10. Beloved Brother Liu Bei: The Legend Lives On | The Classic Journal, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://theclassicjournal.uga.edu/index.php/2024/04/23/beloved-brother-liu-bei-the-legend-lives-on/
  11. Cao Cao | Three Kingdoms, Warlord, Strategist | Britannica, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.britannica.com/biography/Cao-Cao
  12. Three Kingdoms Period Begins in China | EBSCO Research Starters, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.ebsco.com/research-starters/history/three-kingdoms-period-begins-china
  13. Philosophical Influences in The Art of War found in The Romance of, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.mobt3ath.com/uplode/book/book-74174.pdf?ver=accessable
  14. It is dishonorable to favor Cao Cao over Liu Bei : r/threekingdoms – Reddit, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.reddit.com/r/threekingdoms/comments/1ej0dmy/it_is_dishonorable_to_favor_cao_cao_over_liu_bei/
  15. Liu Bei’s charisma score : r/threekingdoms – Reddit, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.reddit.com/r/threekingdoms/comments/fou7sx/liu_beis_charisma_score/
  16. en.wikipedia.org, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Shu_Han#:~:text=Cao%20Cao%20died%20in%20220,Emperor%20of%20Han%22%20in%20221.
  17. Kuora: Cao Cao was a magnificently cruel bastard – The China Project, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://thechinaproject.com/2018/02/26/kuora-cao-cao-was-a-magnificently-cruel-bastard/
  18. What made Cao Cao such an amazing general? : r/history – Reddit, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.reddit.com/r/history/comments/66v6je/what_made_cao_cao_such_an_amazing_general/
  19. Was Cao Cao really an extraordinary general, or did he just have great advisors and subordinates? – Quora, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.quora.com/Was-Cao-Cao-really-an-extraordinary-general-or-did-he-just-have-great-advisors-and-subordinates
  20. What are Cao Cao’s best accomplishments in his life outside laying the foundations of the Kingdom of Cao Wei? – Quora, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.quora.com/What-are-Cao-Caos-best-accomplishments-in-his-life-outside-laying-the-foundations-of-the-Kingdom-of-Cao-Wei
  21. Guo Jia – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Guo_Jia
  22. The Three Visits – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/The_Three_Visits
  23. Su Liupeng | Three Visits to the Thatched Hut of Zhuge Liange | China | Qing dynasty (1644–1911) | The Metropolitan Museum of Art, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.metmuseum.org/art/collection/search/737766
  24. Battle of Guandu – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Battle_of_Guandu
  25. Empty Fort Strategy – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Empty_Fort_Strategy
  26. 5 Timeless Leadership Lessons from the Three Kingdoms – ASK Training, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://asktraining.com.sg/blog/5-timeless-leadership-lessons-from-the-three-kingdoms/
  27. Three Kingdoms – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Three_Kingdoms
  28. Understanding Chinese Business Behaviour: A Historical Perspective – InK@SMU.edu.sg, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://ink.library.smu.edu.sg/cgi/viewcontent.cgi?article=4800&context=lkcsb_research
  29. Apart from Yuan Shao, Cao Cao, Sima Yi, Sun Quan and Liu Bei which Warlords could Unify China realistically after the demise of the Han Dynasty? : r/threekingdoms – Reddit, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://www.reddit.com/r/threekingdoms/comments/1fbhs7r/apart_from_yuan_shao_cao_cao_sima_yi_sun_quan_and/
  30. Sun Quan – Wikipedia, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://en.wikipedia.org/wiki/Sun_Quan
  31. Study on the Relationship between Guan Yu and Sun Quan (The Kingdom of Wu) – Web of Proceedings, เข้าถึงเมื่อ สิงหาคม 2, 2025 https://webofproceedings.org/proceedings_series/ESSP/CSTSS%202019/CSTSS110441.pdf